เคยมีคนบอกว่าโลกคือสิ่งที่สร้างมาอย่างลงตัว สมดุล และยืดหยุ่นที่สุด ด้วยระบบวิศวกรรม และพันธุกรรม ที่ยากจะหยั่งถึงได้ โลกเหมือนถูกสร้างจากสิ่งที่ตรงกันข้ามกันหลายๆสิ่ง น้ำกับไฟ ดำกับขาว ซ้ายกับขวา เหมือนดังปรัชญาหยินหยางของเต๋า โลกไม่ใช่สีขาวหรือสีดำ มันหล่อหลอมจนเป็นสีเทา เป็นความลงตัวที่ยากจะอธิบาย แต่บางที บางคนก็กล่าวว่า มันไม่ได้มีอะไรเลย ไม่มีสิ่งต่างๆที่เราเห็น ไม่มีสีอะไรเลย
โลกสีขาว
แสงตะวันส่องแยงตาของเขา นัยน์ตานั้นค่อยๆเปิดคลายออกมาจนเบิ่งกว้าง เช้าวันใหม่ในชีวิตเริ่มต้นแล้ว
สนธิ ไม้เทศ พยายามจะลุกขึ้นจากเตียง แต่ก็ลุกไม่ไหว ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ช่างมากเหลือเกิน มากแต่ก็คุ้ม เขาไม่ต้องการเวลาเช้าที่แสนโดดเดี่ยว สิ่งที่เขาต้องการคือเวลากลางดึก เพื่อนฝูง และเหล้า เขายินดีจะใช้เงิน และเวลาเพื่อแลกกับมัน
สนธิ ไม้เทศ มีความสุขเหลือเกิน เขามีเพื่อนมากมาย และไม่ต้องกังวลเรื่องการหาเงินหาทอง
ใครๆก็รู้ว่าตระกูลไม้เทศร่ำรวยมหาศาล ปู่ผู้เป็นต้นตระกูลของเขาเป็นจีนสื่อผืนหมอนใบ ค้าไม้ นำเข้าและส่งออกไม้กับต่างประเทศ นั่นคือที่มาของนามสกุล และความมั่งคั่ง ปู่ตายไปนานแล้ว เขาไม่เคยเห็นหน้าปู่ เขาเห็นแต่ผลแห่งทรัพย์สินของปู่ที่ตระกูลไม้เทศยังคงเสพสุขมาชั่วลูกชั่วหลานด้วยเงินฝากในธนาคารกับปันผลจากหุ้น
เขาไม่จำเป็นต้องเรียนหนังสือ ครั้งหนึ่งเมื่อครูพบว่าเขาไม่ได้ทำการบ้าน ครูถามเขาว่าทำไมเขาถึงไม่ตั้งใจเรียน เขาไม่ตอบ แต่ในความคิดของเขา ถ้าคนเราต้องเรียนเพื่อทำงาน ทำงานเพื่อหาเงิน ดังนั้นถ้าเขามีเงินแล้ว เขาก็ไม่ต้องเรียนและทำงาน
สนธิไม่มีปริญญา แต่เขามีบุญและวาสนา ซึ่งมันคือทางลัดในชีวิตของเขา คือโลกที่แสนสบายของเขา สนธิหลับตาลง เขายังไม่พร้อมสำหรับเช้านี้ บางทีเขาอาจจะตื่นในตอนใกล้ๆเที่ยง โทรหา เชอร์รี่แฟนสาว แล้วขับรถสปอร์ตไปรับหล่อนมากินกลางวันด้วยกันที่ร้านอาหารแพงๆซักแห่ง
โลกสีดำแสงตะวันส่องแยงตาของเขา นัยน์ตานั้นค่อยๆเปิดคลายออกมาจนเบิ่งกว้างอีกครั้ง ค่อยๆลุกขึ้นดูนาฬิกาซึ่งบอกเวลาสิบเอ็ดโมงแล้ว
สนธิ ไม้เทศ ลุกขึ้นจากเตียง โทรหาเชอร์รี่แฟนสาวของเขา
ไม่มีการรับโทรศัพท์
เขาโทรอยู่สามรอบ เขาไม่เคยทุ่มเทกับอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย สนธิเริ่มหงุดหงิด เขาโทรหาวิชัยเพื่อนของเขา นัดกันไปกินกลางวันที่ร้านหรูในห้างใหญ่ใจกลางเมือง บางทีไอ้ชัยอาจจะทำอะไรให้เขารู้สึกดีขึ้นบ้าง
เขาเพิ่งรู้จักมันมาไม่นานนี้เองที่ผับแห่งหนึ่ง ชัยเป็นคนพูดเก่ง ผู้หญิงเยอะ เขาชอบมันมาก เขามักคุยกับเรื่องเที่ยวและผู้หญิง ผู้หญิงหลายคนของเขามาจากการแนะนำของชัย
สนธิขึ้นรถพอสส์คันโก้สีแดงเปิดประทุนของเขา วิ่งไปห้างนั้น เพื่ออาหารมื้ออร่อย เพื่อนที่แสนดี ช่างหัวเชอร์รี่มัน
สนธิ ไม้เทศ ถึงห้างที่ว่าแล้ว เขาเดินเข้าไปในห้างอย่างสง่า อย่างน้อยก็ในความคิดของเขา ไม่มีใครไม่สนใจมองรองเท้าหนังแท้จากอิตาลี เสื้อและกางเกงออกแบบจากห้องเสื้อในกรุงปารีส นาฬิการาคาเรือนแสนจากสวิส เขาชอบการแต่งตัวแบบนี้ เขาดูมั่นใจ และโดดเด่น
วิชัยนั่งรอเขาอยู่ในร้าน เมื่อเขามาถึง สนธินั่งลง
"เป็นไงมึง ท่าทางมึงจะเบื่อๆ" ชัยถามแขกที่เพิ่งมาถึง
"ก็กูเบื่อ" เขาตอบไปแบบห้วนๆ
ซักพักความสบายก็เริ่มกลับมาพร้อมกับเบียร์ตอนกลางวันที่วิชัยสั่งมาให้ดื่ม เบียร์เยอรมันนี่วิเศษ มันทำให้เขาสดชื่น และลืมเรื่องน่าเบื่อ เขามองออกไปนอกร้าน ซึ่งเป็นกระจกใส
ห้างนี้ช่างกว้างใหญ่ มีแต่ของหรูหราขาย คนเดินไปเดินมา มากหน้าหลายตา ผู้หญิงแต่งตัวกันสุดๆจริงๆ สนธิยิ้มและจิบเบียร์ พลันเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ควงชายร่างสูงใหญ่อย่างกระหนุงกระหนิง
"นั่นมัน!!" สนธิอุทาน
"ชาญพล รุ่งเรืองวิทย์ ลูกชายมหาเศรษฐีบริษัทสื่อสารไง เดี๋ยวนี้ควงสาวสวยเชียว ชอบมาเดินห้างบ่อยๆ สงสัยคงซื้อของบำเรอสาวอีกล่ะสิ" วิชัยพูดซะยาวเหยียด
"ไม่ใช่ กูไม่ได้หมายถึงมัน ไอ้เหี้ยเอ๊ย มันควงแฟนกู"
เขาไม่รู้ว่าเชอร์รี่ไปรู้จักไอ้ชาญอะไรนี่ได้ยังไง แต่เขาต้องรู้ให้ได้ เขาวิ่งออกไปจากร้าน ชัยวิ่งตามออกมาดูเพื่อนของเขา สนธิวิ่งไปขวางหน้าเชอร์รี่กับคู่ควงมหาเศรษฐีของหล่อน
"เชอร์รี่ นี่มันอะไร!!" เขาตะหวาดหล่อนเสียงดังลั่นห้าง
คนเดินห้างหันมาหาพวกเขาด้วยความมึนงง
"อะไรกัน คุณเป็นใคร ไปกันเถอะค่ะชาญ เชอร์รี่เบื่อแล้ว เราไปหาอะไรอร่อยๆกินที่อื่นดีกว่า"
ชาญพลทำหน้ามึนงง แต่ไม่ได้โต้ตอบอะไร เขาเดินไปกับหล่อน โดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามอง สนธิเดือด นิ้วชี้ไปที่สองคนนั้น พลางปากก็พล่าม
"เออดีอีเชอร์รี่ มึงได้ไอ้คนรวยแล้วมึงก็ทิ้งกู อีผู้หญิงดัดจริต ปอกลอกผู้ชาย"
ไม่มีการตอบโต้ มีแต่ไทยมุงที่มองสนธิด้วยความประหลาดใจ สนธิโมโหจัด วิ่งหมายเข้าไปหา สองคนนั่น ชัยดึงตัวเขาไว้
"มึงเป็นอะไร ใจเย็นๆสิ กลับไปแดกต่อ ไปเร็ว"
อาหารยังไม่ลงท้อง แต่สภาพจิตใจของเขาไม่พร้อมจะให้เขากินอะไรได้แล้ว เขาขึ้นรถ วิ่งรถด้วยความเร็วสูง หักเลี้ยวตรงหน้าห้าง เสียงดังโครม!! เขาหลับ เป็นการหลับที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
โลกสีเทาแสงตะวันส่องแยงตาของเขา นัยน์ตานั้นค่อยๆเปิดคลายออกมาจนเบิ่งกว้าง เขาไม่รู้ว่านี่มันเวลาไหนกันแน่ แต่มันไม่ใช่บ้านของเขา นี่มันคือโรงพยาบาล เขามานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไง เขาไม่รู้ ไม่มีใครมาเฝ้าไข้เขา แม่ของเขาคงกำลังช๊อปปิ้งอย่างสบายใจที่ฮ่องกง หรือไม่ก็มอนทีคัลโร่ ตั้งแต่พ่อตาย แม่ดูมีความสุขขึ้นเยอะ สนธิยิ้มแหยๆ เขาไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนี้ จะมีใครตามหาเขาไหมเมื่อเขามานอนเจ็บอยู่ตรงนี้ เขามองโทรศัพท์ มันไม่ส่งเสียงอันใด พยาบาลเล่าว่าพลเมืองดีพาเขามาส่งที่นี่ เฝ้าเขาอยู่ซักพักแล้วก่อนจะจากไป เขาอยากรู้ว่าคนคนนี้เป็นใคร อยากจะตอบแทนเขา เมื่อพยาบาลออกไป โลกก็ว่างเปล่า เขาเหงา
พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เพื่อนเที่ยวของเขาถามเขาว่าคืนนี้จะไปไหม เขาบอกว่าเขาอยู่โรงพยาบาล เพื่อนถามว่าเป็นไร เขาตอบว่าถูกรถชน คำพูดของเพื่อนคือ หายเร็วๆนะจะได้กลับมาสนุกกัน
"ไอ้เหี้ยเอ๊ย กูซึ้งพวกมึงจริงๆ" สนธิสบถกับตัวเอง
เพื่อนพวกนี้ไม่ได้สนใจเขาเลย สนแต่เรื่องเที่ยว
"ถ้ากูออกไปจากที่นี่เมื่อไหร่กูจะเลิกคบพวกมึงให้หมด กูโดนรถชนแทนที่จะมาเยี่ยม"
สนธิวางโทรศัพท์มือถือไว้ที่เดิม พลันก็มีสายอีกสายเข้ามา
เชอร์รี่โทรมาหาเขา เขาไม่รับ มันดังขึ้นอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่านับสิบรอบ จนในที่สุดเขาก็รับ
"สนคะ คุณรับแล้ว เชอร์รี่ขอโทษเรื่องเมื่อวันก่อน เชอร์รี่เลิกกับเขาแล้ว เชอร์รี่อธิบายได้นะคะ"
เขาปิดโทรศัพท์และวางมันลง แฟนของเขาก็อีกคน คบไม่ได้ เห็นคนที่ดีกว่าก็จากไป เขาจะไม่มีวันคืนดีกับเชอร์รี่อีกเลย
วันทั้งวันช่างว่างเปล่าและน่าเบื่อ เขาเริ่มคิด รอบข้างเขามีแต่คนที่คบไม่ได้ และปอกลอก
แต่แล้วเย็นวันนั้น วิชัยก็เข้ามาหาเขา
"เฮ้ย มึงเป็นไรมากป่าวเนี่ย วันนี้กูโทรหามึงแล้ว แต่มือถือมึงปิด กูเลยเอะใจโทรเช็คทั่วเมืองถึงรู้ว่ามึงอยู่นี่ มึงไหวป่าววะ"
สนธิยิ้ม
"ขอบใจว่ะที่เป็นห่วงกู"
ทัศนคติของเขาเปลี่ยนไป ชีวิตอะไรมันจะแย่ไปซะทุกเรื่อง อย่างน้อยก็ยังมีไอ้ชัยอยู่กับเขา
โลกที่ว่างเปล่า แสงตะวันส่องแยงตาของเขา นัยน์ตานั้นค่อยๆเปิดคลายออกมาจนเบิ่งกว้าง เช้าวันใหม่แล้ว เขาเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาไม่นาน ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลเขาเปลี่ยนแปลงไปเยอะ เขาเลิกติดต่อกับเพื่อนเที่ยวทั้งหลายของเขา ไม่สนใจเชอร์รี่แม้หล่อนจะมาอ้อนวอนถึงหน้าบ้านของเขา เขารู้ว่าหล่อนถูกชาญพลเขี่ยทิ้งมา แต่เขาไม่ต้องการหล่อนแล้ว เขาโตพอแล้วที่จะรู้จักความเป็นจริงของโลก และไม่คบคนเห็นแก่เงิน
เขาหันมาทำธุรกิจลงทุนกับวิชัย เพื่อนที่เขาไว้ใจที่สุด
วิชัยชวนเขาให้เล่นหุ้นมานานแล้ว ชัยบอกว่ามันเป็นทางหาเงินที่ดี และสนุก ซึ่งเขาก็คิดว่ามันสนุกจริง แต่เขาไม่สนใจเรื่องได้เงิน เขาสนแค่ความสุขที่ได้จากการเสี่ยง
เขาให้วิชัยเป็นคนดูแลเงินทองของเขา วิชัยจัดการเล่นหุ้น ขายหุ้นให้เขามาโดยตลอด สนธิมีความสุข วิชัยรายงานเขาตลอดมาว่าเงินของเขาเพิ่มพูนขึ้นขนาดไหน เขานอนฝันหวานทุกๆคืน
"นี่แหละหนาเพื่อนที่แสนดี"
แต่แล้วสามเดือนต่อมา วิชัยก็เหมือนหายตัว เขาติดต่อกับวิชัยไม่ได้มาไม่ต่ำกว่าสองอาทิตย์แล้ว สนธิมึนงง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาเช็คตัวเลขบัญชีเงินฝาก และหุ้นของเขา
มันไม่เหลืออยู่เลย!! เขาถูกโกง!! ถูกเพื่อนที่เขารักที่สุดโกงเขา
วิชัยเอาเงินไปแล้ว เขาไม่เหลืออะไร เขาเหลือแต่ตัวเอง โลกของเขาเหมือนพังทลาย ไม่น่าเชื่อ ภายในระยะเวลาไม่นานเขาเรียนรู้อะไรได้อีกมหาศาล
โลกใหม่ที่บริสุทธิ์แสงตะวันส่องแยงตาของเขา นัยน์ตานั้นค่อยๆเปิดคลายออกมาจนเบิ่งกว้าง เช้าวันใหม่ในชีวิตเริ่มต้นอีกแล้ว
สนธิ ไม้เทศ พยายามจะลุกขึ้นจากเตียง จิตใจของเขาวุ่นวายไปหมด
"ชีวิตกู พอทีเถอะ"
สนธิ เดินขึ้นไปบนห้องสมุดของบ้าน เขากำลังค้นหาสิ่งๆหนึ่งซึ่งจะพาเขาไปยังความสุขได้ มันคือสิ่งที่หลายคนขนานนามว่ามัจจุราช
ปืนลูกโม่ที่พ่อของเขาเคยเก็บไว้ เขาจำได้ เขาเคยเห็นมันตอนเขายังเด็ก
ชั้นวางหนังสือนั่นเก่ามาก ฝุ่นเขรอะไปหมด เขาพบกระเป๋าสีดำ
ใช่! ภายในนี้คือปืนลูกโม่ที่พ่อซ่อนไว้
เขาเปิดมันออกมา มือขวาจับปืนนั้นขึ้น แล้วยกจ่อขมับด้านเดียวกัน นิ้วชี้ง้างจะเหนี่ยวไกปืน จิตใจของเขาสับสนปนเปกันไปหมด เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไร กำลังจะไปที่ไหน เหงื่อไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว เขากลัว เขากล้า เขากำลังบ้า เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขาแล้วในตอนนี้ พลัน เขาเห็นกระดาษใบหนึ่งปลิวลงมาจากกระเป๋าสีดำที่เขาเปิดเอาปืน
มันปลิวมาแผ่ราบต่อหน้าเขา ราวกับว่ามันต้องการให้เขาอ่านมัน
สนธิวางปืนลง เขาจะอ่านมัน
"ปืนนี้ไว้ป้องกันตัว อย่าใช้ทำร้ายคน อย่าคร่าชีวิต เพราะชีวิตมีค่าเกินกว่าจะปลิดทิ้งด้วยปืนจาก พ่อ"
มันเป็นข้อความที่ปู่เขียนไว้ให้กับพ่อของเขา ปู่ต้องการเตือนไม่ให้พ่อใช้ปืนในทางที่ผิด และพ่อก็ไม่เคยทำ ปู่คงไม่คิดว่าคำสอนของปู่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนอีกคนหนึ่ง ในสถานการณ์อีกสถานการณ์หนึ่ง
สนธิอ่านมัน เขาทรุดตัวลงกับพื้น ปู่ของเขาพูดถูก ชีวิตนั้นมีค่าเกินกว่าจะปลิดทิ้งด้วยปืน เขาควรจะเริ่มต้นชีวิตใหม่บนโลกใบเดิม ชีวิตเขามีค่า เขาต้องยืนด้วยตัวเอง ที่ผ่านมาเขาคงนิยามโลกดีเกินไป หรือเลวร้ายเกินไป เขาต้องเริ่มต้นใหม่
โลกนี้กลับมาบริสุทธิ์อีกครั้ง เหมือนโลกใหม่ที่เขาต้องการจะไปถึง เพียงแต่มันเป็นนามธรรมใหม่ ณ สถานที่เดิม