วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

หลักการพ่อค้า - เถาจูกง

บังเอิญผมไปอ่านเน็ต เจอเรื่องของหลักการของพ่อค้าของเถาจูกง
คิดว่าดีมากๆ แต่เดิมมีคนไทยแปล คือธีรลักษณ์ ธาวนพงษ์
และคุณวรางค์ สุบรรณรัตน์ และโชติช่วง นาดอน เป็นผู้ร้อยเรียงเป็นโคลงสี่สุภาพ
(ดูได้ตามนี้ครับ: http://www.thaisamkok.com/forum/index.php?showtopic=2207)

แล้วบังเอิญ เห็นข้อคิดดีๆ อารมณ์กลอนก็เลยพาไป ก็เลยเรียงเป็นกลอนที่สั้นๆ มาให้ครับ
แต่ดี หรือไม่ดียังไง ก็ comment ผมมาได้เลย

1. หลัก 12 ประการของพ่อค้า


หนึ่งฝึกดู คนให้ รู้แจ่มแจ้ง
ดีเลวแฝง ให้ทราบ ไม่สงสัย
สองต้อนรับ ลูกค้า ด้วยอาลัย
เขาจากไป ก็กลับมา ซื้อหาเรา

สามรับผิด ชอบดูแล อย่างมุ่งมั่น
ตั้งหลักฝัน ลุยหา ที่หมายเป้า
สี่ระเบียบ มีพร้อม ช่วยบรรเทา
ให้คนเขา จับจ่ายง่าย สบายใจ

ห้าหมั่นฝึก ให้ใจเปี่ยม ปฏิภาณ
แก้ปัญหา ทุกทุกด้าน ไม่หวั่นไหว
หกปล่อยเงิน ขายเชื่อ ให้ใครใคร
ต้องรีบไล่ ทวงคืน เอาเงินมา

เจ็ดจับโคน วางขุน ต้องครุ่นคิด
คนต้องฟิต กับงาน จึงวานว่า
แปดพูดคุย ต่อรอง เจรจา
ต้องมีวา ทะศิลป์ ให้คล้อยตาม

เก้าจงเลือก หมั่นหา ซึ่งสิ่งของ
คุณภาพ ต้องหมายปอง เป็นที่ตั้ง
สิบวิสัย คนค้าขาย ทรงพลัง
ต้องเห็นมั่น คำนวณไกล ไม่เปล่าสูญ

สิบเอ็ดคน ผู้นำพา รักษากฎ
ไม่กบฏ ต่อเกณฑ์ เป็นจุดยืน
คุณโทษให้ แก่ใครใคร บริบูรณ์
จึงจะคูณ ความเชื่อถือ บริวาร

สิบสองต้อง รอบรู้ วิสัยทัศน์
ให้เด่นชัด วางแผน ให้สืบสาน
หากพลาดพลั้ง มีแผน กู้ทันกาล
ไม่ให้พาล ล้มเหลว จนหมดตัว

นี่เป็นหลัก สิบสองข้อ เถาจูกง
ให้พ่อค้า ท่านจง มีครบทั่ว
เพื่อการค้า พาชีวิต ดูแลตัว
ไปจนชั่ว ชีวิต ไม่ผิดไป


2. ข้อห้าม 12 ประการ ผมเห็นน่าจำ เลยทำเป็นกลอนสั้น ให้จำง่าย

1. อย่าขาดคุณธรรม (ไม่ขาดซึ่งคุณธรรมและจริยธรรมในการค้า)
2. อย่าพร่ำฟุ้งเฟ้อ (ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย)
3. อย่าเหม่อลังเล (ไม่ลังเลในการตัดสินใจ
4. อย่าเกเรเกียจคร้าน (ไม่เกียจคร้าน)
5. อย่าด้านดื้อดึง (ไม่ดื้อดึง มีเหตุผลก็ยอมรับ)
6. อย่าทะลึ่ง เอาแต่เถียง (เถียงหลังชนฝา - เถียงไปไม่ก่อประโยชน์)
7. อย่าเสี่ยงเปิดใจ (ไม่เผยไต๋ทางการค้า เก็บไว้ต่อรอง)
8. อย่าใคร่เงินเชื่อ (ไม่กู้เกินตัว ไม่ให้ลูกค้าเชื่อเกินไป รักษา Cash Cycle ให้เป็น +)
9. อย่าเจือทิฐิ (ไม่มีทิฐิ คิดเป็นหลักการ ไม่อคติ)
10. อย่าดำริอย่างประมาท (ไม่ตั้งตนอยู่ในความประมาทในการตัดสินใจ)
11. อย่าคลาดกาลเทศะ (ไม่ละเลยกาละเทศะ)
12. อย่าละความชำนาญ (ไม่ขาดความชำนาญในสินค้า Product Knowledge)

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553

"เฮติ" อาลัย (Lost of the Land)


ยามเย็น บนเกาะ แสนสงบ
เสียงคลื่นซบ หาดทราย สบายหู
ทะเลงาม มหาสมุทร น่ายลดู
เมืองน่าอยู่ คนมากมาย สบายใจ

พลันแล้วเสียง มัจจุราช ก็ปรากฏ
แผ่นดินคด แตกกระสาน มิทานไหว
ตึกบ้านช่อง วัดวา ทลายไป
ผู้คนไซร้ ตายคา ตึกอาคาร

ไฟลามลุก คุกโคม โหมล้อมรอบ
ยากจะลอบ หนีหา ที่สถาน
ที่ปลอดภัย ให้ซุกตัว ทรมาน
ซํ้าอาหาร ก็ขาดสูญ แทบขาดใจ

แล้วเคราะห์ซํ้า กรรมซัด พิบัติเภท
เหมือนแดนเปรต ผีห่า โหมหาใส่
ผู้คนก่อ จลาจล ปล้นคนใน
เพื่อจะได้ เพียงนํ้า อาหารกิน

คนเพียงแบก ศพญาติ มิตรสหาย
เพียงแค่หา หลุมไหว้ ก็เต็มสิ้น
ศพแลศพ ศพกอง นองแผ่นดิน
กลิ่นก็คลุ้ง ร่างรุ่งริ่ง เลือดเจือทาง

จากแดนถิ่น เคยอยู่สุข ทุกทั่วคน
เพียงนาที ถูกปล้น ทั้งหัวหาง
หากไม่ตาย นอนกอง เรียงเป็นทาง
ก็จะร้าง ไร้ญาติ ที่คลาดไป

อ่า...คนที่ อดทน เพื่อรอดอยู่
ก็มิรู้ ที่ใด จะพักได้
อาหารนํ้า ขาดสิ้น แผ่นดินไร้
สิ้นสุขใส ไร้อารมณ์ ตรมใจเป็น

ยังดีได้ ชาวโลก เข้าช่วยเหลือ
ยังพอเจือ ทุกขกรรม ให้ว่างเว้น
ขอ"เฮติ" พ้นกรรม บันดาลเป็น
ให้ได้เห็น ความสงบ สันติธรรม

คิดถึงคำ ศาสดา เป็นภาษิต
สิ่งสถิต ย่อมรอ วันล้มคว่ำ
เป็นหลักคิด เข้าใจ อนิจจัง
แต่ก็ยัง ยากรับไหว เมื่อเห็นจริง

แต่ก็ยัง ยากรับไหว เมื่อเห็นจริง

วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553

Happy New Year 2010

พลันตะวัน ลับฟ้า ลาขอบเขา
พระจันทร์เจ้า ค่อยทยาน สานต่อแสง
คล้อยถึงกลาง ฟ้าคราม แห่งดินแดน
ก็แสดง สัญลักษณ์ แห่งวันใหม่

เป็นวันใหม่ ปีใหม่ ที่ชื่นสุข
เสมือนทุกข์ พลันตก หลบเขาไป
พระจันทร์ยิ้ม บอกสิ่ง ระรื่นใจ
เป็นปีใหม่ ทีมีสุข ของทุกคน

คิดสิ่งใด ขอพร ให้ปรากฏ
ให้หมดจด คุณความดี ไม่ขาดสน
รวยเงินทอง ครองรักมั่น กันทุกคน
สุขเปี่ยมล้น รักษาตน สบายใจ

และขอให้ ยึดในหลัก อนัตตา
รู้จักค่า ทุกสิ่ง อย่างโปร่งใส
แผ่เมตตา ช่วยผู้คน สัตว์น้อยใหญ่
ก็จะได้ มีสุขใจ ทุกตัวคน

ท้ายที่สุด ให้ปรากฏ ศุภฤกษ์
ให้ฟ้าเบิก ช่วยไทย ไม่หมองหม่น
ให้ชาตินี้ สามัคคี อย่างเกลียวกลม
เพื่อดำรง ชาตินี้ไว้ ไปยืนยาว

แล้วพระจันทร์ พลันก็ลับ เข้ากลีบเขา
อาทิตย์เจ้า ก็เชิดชู แสงสกาว
พรรณนา เช้าวันใหม่ ให้ชนชาว
ได้สืบก้าว สานความดี มีสุขกัน

สวัสดีปีใหม่ 2010 ครับ

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อโหสิกรรม แก่ นายกฯสมัคร สุนทรเวช ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคมะเร็ง







แดดิ้น ดายดับ ลาลับแล
ดวงแข ลับฟ้า หลบกลีบเขา
ที่สุด คลืบคลาน ชีวาเรา
สิ้นลม แผ่วเบา อนิจจา

คนดี คนร้าย ต้องตายหมด
จะสะอาด สกปรก เป็นหนักหนา
จะชั่วเลว เกลียดร้าย เทวดา
ที่สุดตา ก็ปิดลง ต้องปลงไป

ท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช
ท่านเป็นเอก หลายด้าน เกินนับไหว
สร้างสีสัน ประทับบน การเมืองไทย
ไว้มากมาย จนยากไซร้ ที่จะลืม

บทตอนนั้น ใครว่าท่าน เป็นดีชั่ว
ตอนที่ตัว ยังอยู่ มีเกลียดปลื้ม
บทวันนี้ ท่านหลับตา ไม่มายืน
ไม่อาจฝืน วัฏฏะ อนิจจัง

ผมขออะ โหสิ กรรมแก่ท่าน
สิ่งสร้างสรรค์ ความดี ขมีขมัน
ที่ท่านเคย ได้คิด ได้กระทำ
ให้เป็นแสง ส่องนำ สู่สุคติ

ขอให้ท่าน เป็นตัวอย่าง นักการเมือง
ที่ทำเรื่อง ผิดร้าย บ้างป้ายสี
ปิดซ่อนเลว พรางตัว เป็นคนดี
สุดท้ายก็ ถึงที่ ทุกคนไป

ก็เหมือนคำ กฤษณา (กฤษณาสอนน้อง) ที่คิดกล่าว
ถึงเรื่องราว ช้างสาร ควายตัวใหญ่
สุดท้ายทิ้ง งาเขา เท่านั้นไซร้
ประดุจคน ทำไปเหลือ แค่คุณงาม

จงอย่ายึด โลภา บรรดาศักดิ์
แต่ควรนึก จงรัก ถึงลูกหลาน
เพราะเมื่อตาย คาโลก แค่คุณงาม
เหลือแค่นาม อื่นนั้นสิ้น ทุกคนเอย

วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552

24 มิถุนายน 2475 (The 24th of June)



24 มิถุนา


ยี่สี่ มิถุนา

ย้อนกลับมา ต้นเส้นทาง

ประชา ธิปปัตย์สร้าง

ที่ตระหง่าน และยังคง



ประชา ธิปไตย

ที่ยิ่งใหญ่ และอาจอง

แผ่นดิน แห่งองค์ทรง

กลายมาเป็น แผ่นดินไท



ยุคแห่ง มหาบุรุษ

ที่ช่วยฉุด ชูชาติให้

สร้างเมือง ประชาไทย

ให้อยู่ได้ อย่างเท่าเทียม



"ปรีดี พนมยงค์"

รักท่านคง ไม่แปรเปลี่ยน

เรื่องราว ให้รู้เรียน

ยังคงเขียน จารึกไว้



สลัก บนแผ่นดิน

เป็นเหมือนสิ่ง รักษาไทย

คู่กับ ธิปไตย

แห่งมวลหมู่ มหาชน



กลับจาก ฝรั่งเศส

เห็นต่างเทศ หลายแห่งหน

ตามหา คุณค่าคน

และกลับมา เปลี่ยนแปลงเรา



คณะราษฏร์ ที่ก่อการ

ประดิษฐ์ฐาน วันนั้นเล่า

ก่อเกิด จนเป็นเรา

มีผู้แทนฯ ได้ดั่งใจ



แต่สุด อนิจจัง

เหมือนโลภัง ลุกเข้าใส่

ไร้นัก ประชาธิปไตย

ชาติเต็มไป ด้วยคนโกง



กรอบเนื้อ แห่งกฏหมาย

ถูกทำลาย จนหมดโล่ง

ศรัทธา ที่เคยโยง

ก็มลาย กลายเป็นเถ้า



เห็นเหล่า นักเลือกตั้ง

อยู่บัลลังค์ บังคับเรา

ประโยชน์ เอาใส่เขา

ให้เราเจ้า รับเคราะห์กรรม



อำนาจ ก็แย่งชิง

อยากใหญ่ยิ่ง เข้าโหมหัน

ต่อกร ด้วยกำลัง

ถูกเงินตรา กำบังกาย



พ่อค้า เข้าหากิน

ชาติเป็นสิ่ง ให้ค้าขาย

นักการ เมืองคนร้าย

รั้งทำลาย ปวงชาติเรา



คุณท่าน หลวงประดิษฐ์

ที่ท่านคิด คอยฝันเฝ้า

ก่อชาติ แห่งผองเรา

หากยังเห็น คิดการใด



ยิ่งเห็น การประท้วง

บรรลุล่วง สู่จุดหมาย

ขู่ฆ่า ชาติจนตาย

และยึดได้ สถานที่



เหลืองแดง เฝ้าทะเลาะ

ชาติยิ่งเปราะ ถูกขยี้

หมดธรรม ไร้คนดี

ปัฐพี ช่างเศร้าใจ



ขวาซ้าย ยังรบพุ่ง

มิหยุดมุ่ง การทำร้าย

หลักยึด หมดมลาย

หลักการตาย ไม่หวนคืน



หลักกู กลับเติบโต

ใหญ่อุโข ไม่อาจฝืน

หวังพรุ่ง วันมะรืน

จะดีกว่า ที่เราเป็น



เจ็บสิบ เจ็ดปีแล้ว

ยังไม่แคล้ว จากทุกข์เข็ญ

ดิ้นรน หาวันเป็น

ประชาธิป ปไตยเอย



ดิ้นรน หาทางเป็น

เมืองไทยดั่ง ปณิธาน


วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552

แด่มหาชน ชาวเปอร์เซีย (Iranian, Please Beware!!)




แผ่นดินแห่ง ชาวเปอร์เซีย อันกว้างใหญ่
อยู่มาได้ นับพันปี ที่นี้หนา
แต่วันนี้ ต่างฝ่าย ต่างด่าว่า
ต่างติฉิน นินทา ไล่ฆ่ากัน

ประธานา ธิบดี ของชาตินี้
กลายเป็นที่ ครหา โทษมหันต์
พลิกชะตา สั่นอำนาจ ในคืนวัน
ไม่เป็นอัน มั่นใจได้ อำนาจตน

คนอิหร่าน ลุกฮือ มหาศาล
มาต่อต้าน เผด็จการ ทุกแห่งหน
ด้วยโทษฐาน โกงอำนาจ เข้าสู่ตน
การเลือกตั้ง ก็เปรอะปน ด้วยการโกง

ข้าพเจ้า ขอเล่า เตือนพวกท่าน
ต้องระวัง การเปลี่ยนแปลง อันสุดโต่ง
ชาติพวกเรา มีเส้นเหมือน ที่เชื่อมโยง
คือเราต่าง มีคนโกง ครองชาติกัน

แต่สิ่งหนึ่ง ต้องระลึก ตรึกตรองไว้
สิ่งคนกรุง เข้าใจ เป็นอย่างนั้น
ชนบท ยังสนับ สนุนกัน
เพราะเขาสรรค์ เขาสร้าง อำนาจยืน

หากท่านคิด จะขับ ไล่อำนาจ
จะเลือกตั้ง ก็ลำบาก หฤหันต์
เพราะเขาก็ จะชนะ ในคืนวัน
ชาวบ้านนั้น จะจัดสรร ให้คืนมา

"มาหมุด อาเม ดิเนจ๊าด"
คนฉลาด คนเก่ง ดูสง่า
เหมือนเมืองไทย มี "ทักษิณ" ดูงามตา
คนทั่วหน้า ยกย่อง และชื่นชม

แต่กลุ่มคน ปัญญาชน ในเมืองหลวง
ต่างก็ห่วง รักชาติ อย่างแสนสม
จึงร้องเรียก เร่าร้อง อย่างอุดม
เพื่อจะจม อำนาจคน ผู้ปกครอง

วัฏจักร วนอย่างนี้ ไม่สิ้นสุด
แล้วจะหลุด การพัฒนา ทั่วทั้งผอง
ประเทศชาติ ไม่มีวัน จะปรองดอง
เพราะไม่คิด ว่าเป็นของ ทุกทุกคน

ต้องเข้าใจ เหลี่ยมเกม แห่งอำนาจ
คนบังอาจ มาคิด การใหญ่ล้น
เชื่อความคิด ความอ่าน ของตนจน...
พาประเทศ อับจน ไม่เหลือเดน

กลุ่มเสรี หากชนะ จะพาชาติ
เข้าอุ้งบาท พวกมะกัน ดั่งเฉกเช่น
ที่หลากหลาย ประเทศ ทั่วโลกเป็น
ต้องระวัง ต้องมองเห็น ก่อนมลาย

กลุ่มพวกขวา หากยึดถือ ซึ่งอำนาจ
และก็ขาด จิตอาสา มีค่าไซร้
ต่างคดโกง กดคน อย่างเป็นไป
ชาติจักไร้ ความสุข ทุกถิ่นฐาน

จึงต้องแก้ ปัญหา อย่างสงบ
ค่อยค่อยกลบ ความเข้าใจ ประชาบาล
โลกรอบข้าง จ้องหมาย รับประทาน
ถ้ายังต้าน กันเอง ก็สิ้นใจ

เหมือนประเทศ ชาติไทย ในยามนี้
ปัฐพี เร่าร้อน แทบหมองไหม้
เพราะต้องคน ไม่คิด ว่าชาติไทย
ต้องเป็นของ เราไซร้ ด้วยกันนา

ชาติใดเล่า หากไร้ สามัคคี
จะเสียที ต่างชาติ เป็นมั่นหนา
"ลูกอ้วนเสี้ยว" ในสามก๊ก ก็เห็นมา
เมื่อแตกหน้า "โจโฉ" ก็กินเมือง

เมื่อแตกสา -มัคคี ก็สิ้นเมือง

วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

นิราศแมนฮัตตั้น 2552



เมื่อครั้งทราบมารดาทำวิจัย
เรื่องแฟชั่นจึ่งต้องไปในเมืองใหญ่
จึ่งเสนอตนไซร้ร่วมเดินทาง

หนึ่ง เหตุเพราะ กรุงนิวยอร์ค อันไกลโพ้น
ที่นั้นโน้น มีความหมาย ที่สรรค์สร้าง
ตึกระฟ้า โยงยาง ตลอดทาง
จึ่งอยากย่าง บาททบง และเหม่อมอง

สอง เหตุซึ่ง แผ่นดิน คนละฟ้า
ห่างซีกโลก จนยาก จะเยี่ยมย่อง
แม้นชีวิต อาจไม่กล้า จะหมายปอง
เมื่อมีทาง จึงขอลอง ได้เห็นเจอ

สาม เพราะเหตุ นิวยอร์ค เป็นบ้านเกิด
จุดกำเนิด เรื่องราว เล่าเสมอ
ในชีวิต สุดประเสิฐ และเลิศเลอ
เริ่มต้นที่ เมืองเธอ ณ เมืองนี้

จึงเป็นกาล อันยิ่งใหญ่ หาความหมาย
สองรอบไซร้ ก้าวผ่าน ทางวิถี
เห็นเป็นเหตุ เป็นช่วง ที่แสนดี
ที่ชีวี จะกลับพบ ที่จากมา

สี่มารดา เดินทาง ในที่ไกล
ได้ช่วยงาน ทำได้ ก็มีค่า
ยิ่งมีงาน พานประหยัด เรื่องราคา
จึงควรค่า ที่จะมา การฉะชี้

จึ่งลาหยุด เดินทาง ไร้เงินเดือน
เพื่อจะเยือน แผ่นดิน ถิ่นเมืองนี้
ด้วยเหตุผล ที่แสดง ในทั้งสี่
จึงบุกลุย ทางธานี อย่างตั้งใจ

เครื่องบินขึ้น จากสุ -วรรณภูมิ
ตอนประมาณ ห้าทุ่ม ครึ่งเห็นจะได้
หกชั่วโมง ถึงญี่ปุ่น หนึ่งอึดใจ
แล้วรอเครื่อง ต่อไป สามชั่วโมง

แล้วเดินทาง โดยสาย “เอเน็นเอ”
ออกมาเว- ลาสิบเอ็ด ก็หลุดโล่ง
บินทยาน ผ่านแผ่นฟ้า ที่เชื่อมโยง
ทะลุเมฆ ก็โล่ง ชมฟ้าใส

กินนอน นั่งดูทีวี กับเล่นเกม
นอนตะแคง เพราะมี ที่ว่างไว้
สิบสามชั่วโมงจึ่งมาถึงเมืองใหญ่
เหยียบแผ่นดิน ถิ่นใหม่ ช่างตื่นตา

สนามบิน “จอห์นเอฟ แคเนดี้”
เป็นชื่อนี้ มานาน จนถมถา
เป็นหัวใจแห่งชาติแห่งนครา
ได้ยินมา ตั้งแต่แม่ และพ่อเล่า

พลันก็นึก เพียงสนุก เป็นอุกโข
ถ้ามีคน มาโว ประท้วงเข้า
อยากให้รัฐ หลุดอำนาจ จากเมืองเรา
และบุกเข้า ยึดสนามบิน เพื่อกดดัน

นึกเป็นภาพ ก็คิด เป็นเสียวไส้
แต่นั้นไซร้ คงยาก ในมะกัน
ประเทศเขา ประชาธิปไตย มานานนั้น
น่าจะสรรค์ ทางออก ที่มากกว่า

รัฐบาล ดูสง่า และแข็งแกร่ง
คงไม่แกล้ว คอร์รัปชั่น เป็นมหา
แลนักประท้วง ไม่เห็นเมือง เป็นผักปลา
จะมาฆ่า หนูนา โดยเผาเมือง

แล้วมีรถ “แอร์ลิ้งค์” เข้ามารับ
ช่างเหม็นอับ เสียจริง สุดจะเคือง
นั่งอยู่หลัง แทบจะอ้วก ไม่รู้เรื่อง
แต่ก็อด ทนเคือง มิว่าไร

ขับรถเข้า ผ่านอุโมง ข้ามแม่น้ำ
เห็นสถาน “แมนฮัตตัน” อันยิ่งใหญ่
ตึกระฟ้า หนาตา อันเกรียงไกร
ในหัวใจ ก็สุขล้น ได้พบพาน

อาจเพราะเหตุ เหน็ดเหนื่อย กว่าจะถึง
และตะลึง ที่ได้เห็นด้วย ด้วยตานั้น
ก็โล่งอก มีความ แสนตื้นตัน
ณ ที่นั่น คือสถาน ที่จะมา

จึ่งต้องเล่า “แมนฮัตตัน” นั้นคือเกาะ
อาจเป็นเพราะ ชัยภูมิ ที่ล้ำค่า
เหมือนแผ่นดิน รัตนโกสินทร์ อุปมา
จึ่งเป็นแหล่ง ตั้งธารา สี่ร้อยปี (1624)

ชาวดัชต์ซื้อ แดนนี้ มาปีนั้น
ด้วยจัดสรรค์ เงินทองให้ อินเดียนนี้
เป็นเงินทาง ยี่สิบสี่เหรียญ ราคาดี
ซื้อเกาะที่ ตรงนี้ มาสร้างสรรค์

จึ่งตั้งชื่อ ว่า“นิว อาร์มสเตอร์ดัม”
ตั้งอย่งยั้ง มานาน แต่ครั้งนั้น
และก็ผลัด เปลี่ยนการครอง อังกฤษพลัน
เปลี่ยนชื่อนั้น เป็น “นิวยอร์ค” แต่นั้นไป

รถแอร์ลิ้งค์ ส่งเรา สู่โรงแรม
ชื่อ“แฮมเลย์ส์” ช่างน่า พิศมัย
อยู่บนสาย สี่สิบสอง ในเมืองใหญ่
ตรงข้ามไป “ตึกไคร้ส์เลอร์” ช่างยิ่งยง

และได้เดิน ออกไป ที่ “ซับเวย์”
สถานี “แกรนด์เซนทรัล” ดูสูงส่ง
ประดับประดา ใหญ่โต น่าดูชม
คล้ายคล้ายตรง หัวลำโพง ของบ้านเรา

ภายในก็ ดูเก่าเก่า ดูเปื้อนเปรอะ
แต่คนเยอะ พินิจมอง แล้วมึนเมา
เดินขวั่กไขว่ ไปมา ต่อหน้าเรา
แล้วเราเข้า หาไปทาง “ไชน่าทาวน์”

ด้วยคิดสรรค์ จะกินเที่ยง ณ ที่นี้
จึงเสาะหา สถานนี้ ที่ย่างก้าว
ชื่อ “แคแนล สตรีท” ไกลไม่เบา
จึงก้าวเข้า สายสี่ สีเขียว

ปรากฏว่า พาคุณแม่ นั่งเลยป้าย
งงเป็นตาย ทำไม มันไม่จอด
ก็ลองนั่ง กลับสวน ไม่อิดออด
ก็ยังดัน ไม่จอด แคแนลได้

แต่แล้วไซร้ พิจารณา จากแผนที่
ก็เข้าใจ ในที ว่าไปได้
โดยต้องขึ้น สายหก สับทางไป
จึงจะจอด อยู่ได้ ณ ที่ทาง

อันว่าสาย “ซับเวย์” แมนฮัตตัน
มันแบ่งปัน เป็นสองสาย เป็นเส้นราง
พุ่งทางเดียว แต่เป็นราง ขนาน
แบ่งเป็นทาง “เอ็กเพรส”กับ “โลเคิล”

ทาง “โลเคิล” นั้นจอด ทุกทุกป้าย
ทาง “เอ็กเพรส” นั้นไซร้ จอดบางที่
เราจึงขึ้น “เอ็กเพรส” ก่อนในที
แล้วจึงต่อ ไปที่ “โลเคิล”มา

แล้วจึงได้ ขึ้นแคแนล สตรีทนั้น
ฝนก็ตก กันทั้งวัน ยากเดินได้
แต่ได้เห็น “ไชน่าทาวน์” ก็สุขใจ
คนจีนไป อยู่นั้น ก็ดำรง

เห็นร้านรวง คนจีน เกลื่อนถนน
เห็นผู้คน เดินขวั่กไขว่ ก็สับสน
แล้วเราเข้า กินข้าผัด กับเกี้ยวปน
จนอิ่มท้องก็เดินวนกลับออกมา

แล้วเดินทาง กลับโรงแรม สี่โมงเย็น
เพราะไม่เห็น ความสะดวก จะต่อไหว
ฝนซัดตก ลมหนาว เริ่มยกใหญ่
จึงกลับตั้ง หลักโรงแรม เพราะเหนื่อยใจ

แล้วก็นอนเอาแรงในคืนนี้
ตื่นอีกที เที่ยงคืน ไม่สงสัย
ก็เล่นหลับ ยาวนาน สนุกใจ
จึงเปิดคอม ขึ้นสร้าง ร่างนิราศ

แล้วบังคับ ตัวเองนอน ตอนตีสอง (เวลาท้องถิ่น)
จะได้ตื่น ตอนเช้า จะได้ไหว
ร่างนิราศ ถึงตรงนี้ ก็หลับไป
เป็นอันไซร้ จบคืนแรก อย่างน่าดู

แล้วตื่นมา ตอนเช้าตรู่ วันที่สอง
จากการนอน อย่างหลับไหล สงบอยู่
พลันแสงเข้า นัยน์ตา ก็พันตู
ต้องลุกซู่ เพราะคุณแม่ เขาตื่นนอน

ตื่นขึ้นก็ ก็อาบน้ำ และเข้าเน็ต
บิดเนื้อตัว ไล่เคล็ด ไม่หงิดหงอน
เปิดสไกป์ ก็ได้คุย เจอบิดร
คุยกันตอน เจ็ดโมงเช้า ณ ที่เรา

ก็จึงได้ รู้ว่า เวลาไม่
ห่างออกไป สิบสองกะ ฉะนั้นเล่า
แต่ปรากฏ สิบสามโมง ห่างจากเรา
เพราะนิวยอร์ค นั่นเขา ปรับเวลา

ก็จึงได้ ถึงบางอ้อ อรนุช
ที่ตั้งใจ มั่นสุด และพบพา
ก็กันใน อินเตอร์เน็ต เป็นต้นมา
อนิจจา เวลา ทำคลาดกัน

ออกจากบ้าน ออกไป ตั้งแต่เจ้า
และกินข้าว เช้าหนา เป็นขนมปัง
ชื่อร้าน “แพค โฮลฟู้ด ดูชื่อดัง
อาหารนั้น ก็อร่อย มีรสดี

หลังจากนั้น ก็ขึ้น นั่งซับเวย์
ไม่รวนเร วิ่งหา “เซาท์เฟอร์รี่”
อันเป็นที่ ประดิษฐ์ฐาน องค์เทพี
แห่งเสรี ของมะกัน ของผองชน

นั่งรถไฟ ไม่พลาด ไม่คลาดเป้า
พลันเห็นเข้า ก็นึก ถึงเรื่องต้น
แมนฮัตตัน ที่ตึกสูง ใต้ดินล้น
ก็เพราะมัน อยู่บน “เมท ตามอร์ฟิค”

อันเมท ตามอร์ฟิค ที่ว่านี้
ก็คือที่ คลุมด้วย หินอย่างมิดชิด
หินตระกูล ควอทไนท์ เป็นแกรนิต
จึงแข็งแกร่ง โดยสนิท ไม่สะเทือน

เมื่อเจาะดิน ปักเสา ก็เด้าลึก
หากลองนึก ภาพคน ล้นกลาดเกลื่อน
รากฐานคือ ดินแข็ง ไม่คลาดเคลื่อน
จึงเสมือน ปักรากฐาน ที่มั่นคง

เปรียบประดุจ ชีวิต มนุษย์เรา
ที่ตัวเจ้า จะสำเร็จ การประสงค์
หลักสำคัญ คือรากฐาน ที่มั่นคง
จึงจะยืน อย่างอาจอง และยาวนาน

แล้วขึ้นฝั่ง “เซาท์เฟอร์รี่” ณ ที่นั้น
แล้วก็นั่ง ต่อเรือ พาหะยาน
องค์เทพี ตั้งบนเกาะ มายาวนาน
ตั้งอยู่ปาน สัญลักษณ์ ความเสรี

ถูกออกแบบ ปฏิมา ฝรั่งเศส
จากประเทศ ห่างไกล หลายไมล์นี้
เป็นของขวัญ สำคัญ ที่แสนดี
และเลือกเกาะ “ลิเบอร์ตี้” เป็นที่คง

ช่วงแปดสี่ (1884) ถึงสองสี่ (1924) ที่สถาน
คนมากมาย มหาศาล ที่ปลดปลง
มาเข้าหา แผ่นดินใหม่ อย่างมั่นคง
เมื่อเห็นองค์ ก็ดีใจ ที่มาเยือน

เห็นองค์นาง เป็นองก์แรก ปัฐพี
ก็ปรีดี เมื่อพบเห็น สภาพเสมือน
แห่งเสรี ของตัวตน มาหยัดเยือน
จึ่งเรียกเหมือน เป็น“องค์นาง แห่งลี้ภัย” (Mother of Exile)

หลังจากนั้น นั่งเรือไป “เกาะเอลลิส”
เป็นสถาน ที่สถิตย์ คนแดนไกล
ต้องผ่านด่าน “ตรวจคนเข้า” (Immigration) ด่านนี้ไป
จึงจะได้ อยู่เป็นไท ในเมกา

พอเสร็จกิจ จากเอลลิส พิพิทธภัณฑ์
แล้วก็หัน มองเทพี ด้วยร่ำลา
แล้วนึกเห็น ความจริง อนิจจา
ดั่งคำองค์ พระมหา พุทธเจ้า

สมณะ องค์ท่าน เคยปรารถ
สรรพสิ่ง ต้องประสพ ความเสื่อมเร้า
เช่นเดียวกับ องค์นาง ตั้งหน้าเรา
วันนี้เจ้า ก็ทรุดโทรม ลงในที

ต้องบูรณะ ซ่อมแซม อย่างแข็งขัน
เมื่อก่อนขึ้น บนคบเพลิง ของนางนี้
ให้คนขึ้น ไปชม วิวดีดี
แต่บัดดี้ อยู่ได้ แค่ตรงฐาน

หลังจากนั้น เดินทาง มาซากตึก
ให้หวนนึก “กราวน์ซีโร่” ที่สถาน
ถูกเขาทำ วินาศกรรม บ่ต้านทาน
ตึกตระหง่าน จึงพังลง ในทันที

ณ วันสิบ เอ็ดกันยา มหาโศก
เป็นทุกข์โคก กระโจมเข้า ดินแดนนี้
ครั้งแรกที่ เกิดภัย ในปัฐพี
และยากที่ จะตามจับ ผู้ก่อการ

อันเห็นเหตุ ตามมา ซี่งสงคราม
ที่ฆ่าล้าง ผุ้คน มหาศาล
เพื่อตามล่า “บิน ลาเดน” มหากาฬ
แล้วก็ผลาญ อิรักสิ้น หมดกลิ่นไอ

ณ วันนี้ ณ ที่เดิม “ตึกเวิร์ลเทรด”
สัญลักษณ์ ของประเทศ ที่สลาย
วันนี้กำลัง สร้างใหม่ มาล้างอาย
เป็น “นิวเวิร์ล เทรด” ได้ ในเร็ววัน

อนิจจัง สองพัน กว่าชีวิต
ที่สถิตย์ ในตึกนี้ ในวันนั้น
ต้องสูญสิ้น ปลงตาย มลายกัน
ในคืนวัน เพราะความชัง ยังให้เกิด

หลังจากนั้น เดินทางต่อ ไป “บีคเมนท์”
ไปพบเห็น โรงพยาบาล ที่กำเนิด
เป็นสถาน ที่ใหญ่ ช่างเลอเลิศ
จุดที่เกิด เรื่องราว ที่ยาวไกล

ถูกเปลี่ยนชื่อ ราวสิบปี ที่ผ่านมา
จาก“บีคเม้นท์” ก็มา เป็นชื่อใหม่ (New York Downtown Hospital)
แต่ก็ยัง พอจัก ตามหาได้
คนมากมาย ยังขานกัน เป็นชื่อเดิม

ถ่ายรูปกับ ป้ายโรง พยาบาล
เป็นสถาน ยิ่งใหญ่ เป็นจุดเริ่ม
กับชีวิต ตัวข้า ที่ดำเนิน
พอคิดเพลิน ก็พา ให้สุขใจ

แล้วได้เดิน ตามสะพาน ชื่อ “บรุ๊คลิน”
จากพื้นดิน สู่สะพาน อันกว้างใหญ่
เห็นแม่น้ำ สุดตา ไกลแสนไกล
มองออกไป เห็น “ควีนส์” และ “บรุ๊คลิน”

หลังจากนั้น เดินทางไป “ไทม์แสควร์”
โดยคุณแม่ นำพา ทางใต้ดิน
ตระกานตา เมื่อได้เห็น ดั่งยลยิน
ผู้คนสิ้น มากมาย คณาเนือง

โฆษณา เป็นจอ โทรทัศน์
จากองค์จัก ษุหนา ได้รับเรื่อง
รอบด้าน เป็นจัตุรัส จรัสเมือง
ที่สร้างเรื่อง “เคาน์ดาวน์” วัน “นิวเยียร์”

เป็นที่ตั้ง ตึกรา ก็แสนมาก
ทั้ง “Nasdaq” และ “EY” ตาอ่อนเปลี้ย
มองไปทั่ว ดวงตา ก็สุดเพลีย
เลยนั่งเสีย ตรงเก้าอี้ ที่วางไว้

ซักพักจึง เดินออก จากที่นั้น
เพื่อไปยัง สถานที่ เป็นตึกใหญ่
นามของตึก งามสง่า ว่า “เอมไพร์” (The Empire State Building)
ขึ้นไปได้ ชั้นแปดหก (86th) ก็ชมเมือง

งามตระกาน บานตา ได้มาเห็น
รอบข้างเป็น ตึกรา และทิวเมือง
“แมนฮัตตั้น” ยิ่งใหญ่ ช่างฟูเฟือง
ก็อยู่เนือง กลิ้งนัยน์ตา ของข้านี้

เดินไปมอง เมืองนี้ ทั่วทุกด้าน
ก็เป็นสุข บริสุทธ์กาล แสนได้ที่
เรียกได้เป็น จุดดีสุด ปัฐพี
ที่จะมี โอกาส ได้เห็นเมือง

กลับโรงแรม ด้วยกาย ที่เพลียอ่อน
กลับมาตอน สามทุ่ม ไม่รู้เรื่อง
อาบน้ำแล้ว หลับป๋อยไม่ ระคายเคือง
เพราะหมดเรื่อง จะมาคิด เพราะเหนื่อยกาย

ตื่นตอนเช้า โทรหา ซึ่งคุณพ่อ
และบอกต่อ เรื่องเล่า ที่มากมาย
ใช้เวลา นานที เพื่อบรรยาย
ก่อนอาบกาย และเดินออก ไปเที่ยวท่อง

วันที่สาม เราเริ่ม ที่ “ทิวดอร์” (Tudor City)
ที่เล่าต่อ กันว่า อย่างกู่ก้อง
เป็นหมู่บ้าน ชาวดัตซ์ เคยปกครอง
เป็นแหล่งของ ผู้อาศัย ในปัจจุบัน (Resident Area)

ตึกดูเก่า แต่งาม เมื่อได้พบ
มาบรรจบ กับต้นไม้ เป็นทิวสัน
เป็นความงาม ที่ได้ยล ตั้งแต่วัน
แล้วพากัน เดินต่อ อีกไม่นาน

ก็พบเจอ ตึก “ยูเอ็น” (United Nations) ตั้งตรงนี้
เป็นที่ที่ ทักษิณ สิ้นตำนาน
ประชุมอยู่ ก็ถูก รัฐ-ฐะประหาร
บ่ต้านทาน พลังปืน เข้ายึดครอง

ก็หวนนึก หากปกครอง ประเทศนี้
ด้วยธรรมที่ ควรจะมี เป็นฐานรอง
คงจะยัง รั้งอำนาจ ไม่สั่นคลอน
แต่ภัยร้อน กลับถึงตัว เพราะไม่ทำ

และก็เดินทาง ไปวิหาร ชื่อแพรทริค
ไปพินิจ ยืนฟัง บริกรรม
ที่ประกอบ กล่าวความ โดยคริสตัง
และกราบกราน ด้วยเคารพ ศรัทธามี

วิหารคริสต์ สวยงาม อุโบสถ
ช่างงามงด ทอแสง กระจกสี
ความสง่า ประดับ ประดามี
ช่างเป็นที่ น่าศรัทธา ต้องมากัน

และไปที่ อาคาร “ร๊อค กี้เฟลเลอร์” (The Rockyfellor Center)
ช่างเลิศเลอ สง่างาม สูงตระงัน
เป็นที่ที่ มหาเศรษฐี เขาแบ่งปัน
สร้างสวนหย่อม ให้ใช้กัน นั่งสุขใจ

แล้วก็ไป พิพิทธภัณฑ์ ศิลปะ (The Museum of Modern Art – MoMA)
เพื่อจะกราด ดูงานวาด และภาพถ่าย
ศิลปิน ทั้งยังอยู่ และตัวตาย
มีงานไว้ ให้ดูชม ช่างมากมี

เมื่อใช้บัตร ส่วนลด นักศึกษา
ก็ได้รา คาถูก มากยิ่งขึ้น ($20 >>$12)
เดินดูรูป ตาล้า พาหัวมึน
ต้องยอมรับ ตาไม่ถึง ความโอฬาร

แต่ลายเส้น ที่เห็น ก็ตระหนัก
ว่าเขาสร้าง ได้ชัด ว่าตระการ
Neon Fer –rari เป็น พระเอกงาน
ที่สรรค์สร้าง อักษรเส้น เป็นงานศิลป์

และเดินออก มาตอน ประมาณวัน
และเห็นของ ขายกันทั่ว ถนนสิ้น
เป็นตลาด วันอาทิตย์ ขายของกิน
แต่ไม่น่า จะถูกลิ้น จึงไม่ลอง (Mexican Food)

และเดิมเข้า อาคาร “ทรัมพ์ ทาวเวอร์” (Thrump Tower)
ก็พบเจอ ความโอ่ อลังการ
มันเป็นที่ ทาทอง ทั่วสถาน
แสงตระหง่าน สวยสง่า น่ายลยัง

รับประทาน แซนวิช ณ ที่นี้
และเข้าที่ ไนกี้ ทาวน์ อันลือลั่น
ขายรองเท้า เครื่องกีฬา มีหลายชั้น
คนซื้อกัน มากมาย เราได้ดู

แล้วเดินไป ที่ร้าน ของ Apple
ตั้งร้านเพลิง เป็นกระจก ปกตรงรู
มองลงไป เห็นคน เดินพันตู
ลงลิฟท์สู่ แดนศิวิไลซ์ ใต้แผ่นดิน

เป็นร้าน Mac ที่ใหญ่ และสวยงาม (McIntosh)
มีผู้คน มหาศาล จับจ่ายสิ้น
พนักงาน อรรถยาศัยดี ได้ยลยิน
ได้เห็นสิ่ง เทคโน พาสุขใจ

ก็รำพึง ใยไทย ไร้สามจี (3G)
ก็มันดี กว่าที่มี เป็นไหนไหน
อินเตอร์เน็ต เร็วกว่า แสนทันใจ
สามวิได้ เข้าเวปไหน ก็ปรีดี

และเดินต่อไปที่ Central Park
มีคนมาก เดินอยู่ ณ ที่นี้
ทั้งจูงหมา ออกกำลัง กันเปรมปรีดิ์
ณ ที่นี้ เห็นแล้ว ก็สุขใจ

ท่ามกลางเมือง ที่ว่าใหญ่ ในโลกา
ยังมีที่ ปรีดา ไม้เขียวใหญ่
ยังมีที่ให้สุข อิ่มเอิบใจ
ตั้งอยู่กลาง เกาะใหญ่ เมืองการค้า

นั่งเล่นซัก พักก็ลาก ไปจากสวน
เพราะเริ่มรวน จากความเหนื่อย เมื่อวานนา
ตัดสินใจ กลับโรงแรม ในเพลา
ดูทีวี พักแข้งขา ก่อนทำการ

รายการ ทีวี ของที่นี่
ดูการ์ตูน ดีดี และข่าวสาร
ก็สนุก ไปอีกแบบ ดูอยู่นาน
บิดเกลียดคร้าน แล้วออก หาของกิน

ไปนั่งกิน อาหาร ไชน่าทาวน์
สบายใจ จ่ายก็เบา ท้องก็อิ่ม
แล้วเดินชม ทัศนีย์ ได้ยลยิน
“โซโห” (Soho) ถิ่น แฟชั่น ที่ว่ามา

เมื่อก่อนนั้น นิวยอร์ค มีโรงงาน
คนมากมาย มหาศาล ที่นี่นา
ทำงานที่ “โซโห” เป็นอุตสาห์
แต่กาลมา ผ่านไป ไร้งานมี

เพราะนิวยอร์ กลายเป็นเมือง บริการ
พวกโรงงาน หมดไป จากถิ่นนี้
โซโหกลาย เป็นถิ่น เรียก “เทรนดี้”
ก็คือมี ร้านรวง ของแฟชั่น

แต่พอเห็น สภาพเข้า ก็เศร้าเศร้า
เห็นเป็นร้อย ผิวสี แมคซิกัน
ไม่ค่อยเป็น แฟชั่น อย่างว่านั้น
ก็เห็นขาย ของกัน ธรรมดา

แหล่งสถาน ดูช่าง สกปรก
ขยะรก ออกนอกถัง ช่างเศร้าตา
เดินผ่านไป ไม่นาน กี่เวลา
ก็ลงมา ใต้ดิน กลับโรงแรม

ถึงโรงแรม ความเหนื่อย ไม่อาจต้าน
มิอาจค้าน จะไม่นอน บ่มีแรง
จึงเริ่มเอี้ยว ตัวเรา นอนตะแคง
และหมดแรง ก็หลับไป สิ้นหมดวัน

และตื่นกลับมาอีกตอนตีสาม
มาติดตาม ทุกข์สุข ที่รักนั้น
ว่าห่างเรา แล้วเป็น อย่างไรกัน
ก็พบว่า เธอนั้น ยังสุขดี

ตอนตีสาม เมืองไทย ก็บ่ายสอง
ยังทำงาน กับน้องๆ วันจันทร์นี้
ก็เลยไม่ ได้กวน แค่พอดี
แล้วจึงปรี่ ร่ายนิราศ แล้วลานอน

ตอนตอนเช้า ก้าวออก จากโรงเตี๊ยม
แล้วไปเยี่ยม “วอลล์สตรีท” ชื่อถนน
เดินกับแม่ ตลอดทาง เพื่อเยี่ยมชม
ตลอดทาง ไม่มีลม แม้เพียงน้อย

เหตุเพราะตึก ระฟ้า ในที่ดี
ช่างสูงรี่ ใหญ่โต ตาโหลคล้อย
คนเดินผ่าน ตามทาง นับเนื่องร้อย
ตาก็ลอย ตามทาง อย่างตื่นใจ

ณ ที่นี้ เป็นแหล่ง การเงินโลก
ที่บัดโบก ราคาหุ้น ให้ทุนไหว
อิทธิพล ถนนนี้ แผ่นถึงไทย
ความยิ่งใหญ่ แห่งทุน ที่หมุนมา

ตึกอาคาร เอไอจี ณ ที่นั้น (American International Building)
ช่างตั้งสูง ตระงันบัง สุริยา
เป็นตึกใหญ่ ถนนไพน์ ตีคู่มา
กับถนน วอลล์หนา ที่คู่ไป

พลันพอเห็น ก็นึกถึง ธุรกิจ
ที่ตั้งจิต บนความโลภ ที่หลงไหล
ทุนนิยม หลายทศวรรษ ที่เป็นไป
ได้ทำลาย เอไอจี อย่างเยือกเย็น

คฤหรรถ ที่ฐาน แผ่นดินนี้
ใครจะมี ดูเหมือน ยากแสนเข็ญ
แต่จริงแล้ว จะมี ไม่ยากเย็น
แค่เข้าเป็น ลูกหนี้ อย่างยาวนาน

สินจะค้ำ ประกันนี้ ไม่มีนัก
ไม่ต้องหนัก ตามหา ถึงได้บ้าน
แค่มีงาน มีเงิน ก็พอทาน
การมีบ้าน จึงง่ายดาย สบายใจ

และถูกตั้ง โดยวิถี ประชาบาล
การมีบ้าน เป็นทาง ฝันยิ่งใหญ่ (American Dream)
ตั้งเป็นธง ลงเป็นทาง มัดหัวใจ
ใครเติบใหญ่ ก็ซื้อบ้าน หางานทำ

ราคาบ้าน ผลักดัน กันสูงลิ่ว
คนทนหิว ทนกล้า ทนฝ่าฝัน
แต่สุดท้าย ไร้แรง จะประจัน
จนบ้านนั้น ถูกยึด จนหมดตัว

บ้านหลายหลัง ถูกยึดเข้า ธนาคาร
มะกันต้าน พิษนี้ กันไม่ทั่ว
สินเชื่อเน่า แห่ไหล อย่างน่ากลัว
แบ้งค์มะกัน เงินหมดตัว จนสิ้นใจ

ยังมาสู่ การขาดทุน มหาศาล
การลงทุน ใน“ซับไพรม์” อันยิ่งใหญ่
ทำนายแบงค์ หมดสิ้น ซึ่งหัวใจ
บริษัทใหญ่ จากไป อย่างเยือกเย็น

เริ่มต้นที่ เฟรนดี้เมย์ แฟรดดี้แม็กซ์
เป็นกลุ่มแรก โดนพิษ จนยากเข็ญ
ต้องล้มตาย จากไป อย่างเยือกเย็น
สินเชื่อนั้น กระเซ็น ไร้ทางไป

นำมาสู่ การล้ม ของ บ.ยักษ์
“แบร์เสติร์น” ก็ปัก หลักไม่ไหว
“เลธ์แมน บราเธอร์” ก็ทำใจ ล้มละลาย
และอีกมาก ห่าใหญ่ ขาดทุนบาน

ก็มีทั้ง เอไอจี เมอร์รี่ลินซ์
ซิตี้แบงค์ ผู้ให้สิน เชื่อกู้บ้าน
แม้น จีเอ็ม ไครซ์เลอร์ บ่ต้านทาน
ฟอร์ด ก็ลด กิจการ ให้เล็กลง

เหตุเพราะรถ คนยุติ ที่จะซื้อ
เพราะมันคือ การจ่ายเงิน ตามประสงค์
เมื่อเงินน้อย ใช้น้อย ก็ต้องปลง
ตลาดรถ จะร่วงลง อย่างทลาย

กลายเป็นว่า เศรษฐกิจ พิษมะกัน
ก็โหมหัน สู่โลก แทบสลาย
คนตกงาน ทั้งโลก เงินวอดวาย
ด้วยพิษร้าย จากฝัน มะกันนี้

แล้วเดินดู ตึกอื่น แน่นขนัด
ก็เห็นชัด ตึกธนาคาร อันใหญ่ดี
ชื่อว่า “Chase Manhattan ณ ที่นี้
เป็นธนาคาร ใหญ่ที่ ยังอยู่ยง

เซสเข้ารวม เจพี มอร์แกนไว้
กลายเป็นแบงค์ ขนาดใหญ่ ตามทุนลง
เมื่อครั้นยาม ลางร้าย จะปลดปลง
มอร์แกนส่ง ธนาคาร เข้าหารัฐ

เพื่อให้ “เฟด เลี้ยงดู ให้ฟูเฟื่อง
ต่อเป็นเรื่อง เหมือน “มอร์แกน สเตน”ชัด (Morgan Stanley)
จึ่งรวดพ้น บ่วงไฟ ที่โรมรัด
สามารถปัด ทุกข์ระทม ที่ขมขื่น

เห็นได้ชัด การสร้าง ธุรกิจ
จะต้องคิด การใหญ่ ชูชื่น
แต่ตั้งหา ที่มั่นหมาย และจุดยืน
ไม่ให้ฝืน พื้นฐาน ที่ตนเป็น

เอ็มบีเอ น่ามี วิชาใหญ่
ตั้งชื่อไว้ “Sufficient Environment”
ส่งเสริมให้ คนน้อยใหญ่ ได้คิดเป็น
ว่าต้องเน้น พื้นฐาน ก่อนก้าวไป

แล้วเดินต่อ ไปถ่ายรูป กับกระทิง
ที่ตั้งสิง สถิตย์อยู่ น่าตึกใหญ่
เป็นกระทิง สัญลักษณ์ แห่งโลกใหม่
ของผู้คน น้อยใหญ่ ทุนนิยม

กระทิงขวิด เป็นนิมิตร แห่งหุ้นขึ้น
จึงเป็นรูป ยืนทะมึน ตั้งให้ชม
อยู่กลางเส้น วอลล์สตรีท อย่างกลืนกลม
คนมากมาย แห่มาชม ถ่ายรูปกัน

หลังจากนั้น ก็ไปยัง อนุสรณ์
แห่งอาวรณ์ เดือนกันยา สิบเอ็ดวัน
ที่สูญสิ้น ความยิ่งยง แห่งมะกัน
ที่สร้างสรรค์ ความชัง ต่ออัฟกา

คนมากมาย หายสาปสูญ จนหมดสิ้น
มะกันเก็บ ไอกลิ่น ที่โศกา
มาสร้างเป็น แห่งระดม ทุนมหา
ที่จะหา ทุนมา ช่วยเหลือกัน

ข้าพเจ้า ได้เขียน ภาษาไทย
ถึงเหตุการณ์ อันยิ่งใหญ่ ที่มหันต์
ว่าติดตาม มาตลอด ในช่วงวัน
แม้ผ่านผัน แปดปี ยังมั่นนา

ความสูญเสีย ของผู้คน ที่ปรากฏ
แลความงด ความงาม ความมีค่า
แห่งดับเพลิง ตำรวจ และอาสา
ที่ช่วยกัน ฟันฝ่า คืนฝันร้าย

กินข้าวเที่ยง ที่ร้าน “เบอร์เกอร์คิง”
แล้วก็ดิ่ง ไป “บีกเคอร์” ถนนใหญ่
บิดาบอก มีร้านกฤษณา ตั้งอยู่ไว้
ก็เดินไป แสนนาน จึงพบเจอ

ตลาดนี้ กฤษณา ขายไม้หอม
ในนิวยอร์ค ดูไม่ยอม ไม่เลิศเลอ
มีอยู่ร้าน ร้านเดียว ที่หาเจอ
เป็นของเธอ ชาวโอมาน ที่จัดแจง

จึงบอกกับ ลูกจ้างเขา เป็นพันธะ
มีนัยยะ หากขาดของ ต้องหมดแล้ง
แจ้งมาทาง ไทยนี้ จักจัดแจง
ส่งน้ำหอม กลิ่นแรง มาขายให้

แล้วจึงต่อ ไปหาตึก เอ็นไวน์ยู (NYU)
หวังจะดู มหา วิทยาลัย
ตึกศึกษา ที่นี้ ใหญ่แสนใหญ่
เดินผ่านไป ก็สุขใจ ได้เห็นกัน

เป็นวิทยาลัย ที่กลืน กับในเมือง
จึงไม่เรื่อง ไม่ค่อยพบ ในไทยนั้น
มหาลัย กับเมือง ไร้รั้วกั้น
นักศึกษา เดินกัน ไม่รู้ใคร

คอร์สอินโทร จะมา ตอนบ่ายสี่
แต่มาที่ ตรงนี้ โมงครึ่งบ่าย
จึงได้นั่ง พักผ่อน หย่อนหัวใจ
ที่จัตุรัส แห่งใหญ่ “วอร์ชิงตัน”

ก็ได้เห็น สวนสา –ธารณะ
ว่าพวกมะ –กันนี้ ที่สร้างสรรค์
มีมากสวน มากที่ ให้พักกัน
แม้เมืองนั้น จะใหญ่โต และเฟื่องฟู

อยากให้ไทย มีสวน มากดั่งนี้
จะได้มี ที่พักผ่อน หย่อนรับรู้
ไม่ใช้วัน วันง้า แต่ตาดู
ตึกสูงลู่ คอนกรีต สลดใจ

ในสวนนี้ มีคน เดินมากหลาย
ทั้งหญิงชาย พาลูกเล็ก สนุกใหญ่
มีดนตรี มาหาเงิน สบายใจ
กีต้าร์เล่น พลางมองไป สงบจริง

สวนเขียวเขียว ช่างขจี และงามสวย
น้ำพุก็ สำรวย พ้นน้ำวิ่ง
รื่นรมย์ และสงบ สบายจริง
แล้วก็ต้อง เดินดิ่ง มหาลัย

เพื่อไปฟัง คอร์สอินโทร ณ ที่นั้น
มีศิษย์อัน เพิ่งจบ พาไปให้
ชื่อ “คิมราน” หน้าแขก เป็นหญิงใหญ่
พาเดินไป ดูห้องเรียน สบายตา

เห็นที่เรียน เห็นห้อง มีชมรม
แต่ไมมี ผู้คนเพราะ ปิดเทอมหา
ที่ก็พอ จะได้ จินตา
ถึงคุณค่า มหาลัย ต่อสังคม

“คิมราน”บอก ต่อเรา ถึงคุณค่า
ที่มหาลัย แห่งนี้ มีมากล้น
นั่นคืออยู่ กลางเมือง แห่งผู้คน
เรียนรู้รับ ได้ล้น ประสบการณ์

อีกหนึ่งคือ มหาลัย นี้มีเซ่น
อยากจะเป็น อะไร ก็จัดสาน
มหาลัย จะจัก ไปไหว้วาน
ให้เครือข่าย รับงาน พวกศิษย์เก่า

และอีกหนึ่ง มีโครงการ พัฒนา
เพื่อสร้างอา –ชีพให้ เก่งกาจเข้า
เพื่อจูนคน พร้อมทำงาน ทั้งหนักเบา
ตั้งแต่เข้า ก็ทำได้ ให้คุณนาย

ก็พบเห็น มหาลัย ยิ่งใหญ่นี้
ว่ามันมี “แบรนด์” ดี ที่สดใจ
เสื้อหมวกสร้อย เอ็นไวยู ก็ขายได้
ช่างดูคล้าย ของแบรนด์ ช่างน่าชม

แล้วเห็นหนัง สือพิมพ์ มหาลัย
ดูยิ่งใหญ่ หลายน่า ช่างน่าสน
มีข่าวของ งานเรียนจบ ได้ได้ชม
ก็เห็นสม กับมหาลัย ยิ่งใหญ่

ตึกเอมไพร์ เสตท เปิดไฟม่วง
เพื่อบวงสรวง งานเรียนจบ คนน้อยใหญ่
สีม่วงเป็น สัญลักษณ์ มหาลัย
ทำหัวใจ พองโต เพราะสำคัญ

งานเรียนจบ รับซึ่ง ปริญญา
ให้เสนา ต่างประเทศ มาสร้างสรรค์ (Hilrary Clinton, Former New York senator)
มากล่าวสุน ทรพจน์ ให้เด็กกัน
ที่สนาม ใหญ่นั้น แห่งแยงกี้ (Yankee Stadium, The Baseball Stadium)

กินข้าวที่ เวนดี้ ร้านอาหาร
แล้วก็พาน กลับโรงแรม ถิ่นเรานี้
รถใต้ดิน แน่นตลอด รอนานดี
แล้วก็ปรี่ เข้าโรงแรม แล้วหลับพล๋อย

ตื่นมาก็ อาบน้ำ ตอนเที่ยงคืน
แล้วก็รื่น มา สไกท์ ที่ทำบ่อย
แล้วเจอส่วง เล่นอยู่ ก็สุขลอย
คุยกันหน่อย ก็ล้า แล้วนอนหลับ

ตื่นตอนเช้า หกโมง ก็หาอีก
ส่วงยังปลีก จากงาน มาโทรรับ
แต่เข้าใจ งานเธอ แน่นขนัด
เมเนเจอร์ ที่รัก เขาเร่งงาน

เลยคุยกัน แค่พอ ตามสมควร
แล้วก็ง่วน แต่งนิราศ ที่สืบสาน
วันนี้เดี๋ยว จะต้องไป เข้าดูงาน
แสดงสินค้า มหาศาล ที่จาค้อบ (Jacob K. Javits Convention Center)

เดินทางออก ทางใต้ดิน ถนน “เพนน์” (Penn Street)
เดินไปเห็น ศูนย์แสดง ก็ชื่นชอบ
มะกันทำ ศูนย์กลาง แสดงออก
เป็นสถาน ที่ใหญ่ อลังการ์

งานแสดง บรรจุไว้ กว่าสี่แห่ง
คนแทบแย่ง กันเดิน แทบชนหน้า
สถานที่ แสดงงาน มหึมา
เดินแทบล้า ปวดขา แทบระบม

สถานที่ มีชื่อ ยกย่องไว้
เพื่อให้อยู่ คู่นานไป คนนิยม
“จาค้อบ เจวิทส์” น่าชื่นชม
เป็นบุคคล ยิ่งใหญ่ ในเมืองนี้

อ่านป้ายก็ ได้ทราบ ได้รู้ว่า
เป็นสมาชิก วุฒิสภา นานหลายปี
ได้รับการ เลือกตั้ง มากถึงสี่
และเป็นที่ เคารพ ในมณฑล

แม่พาไป เดินดู ของแสดง
เป็นแหล่งแหล่ง ช่วยกันหา ของน่าสน
การแสดง แห่งแรก ที่ได้ยล
เป็นเครื่องกล จากยูเครน น่าสนใจ

มันเป็นเครื่อง ออกแบบ ตัวโมเดล
บอกสเกล บอกขนาด วางใจได้
ใช้พีซี สั่งงาน จากคอมไว้
แล้วส่งไป ที่เครื่องทำ ให้ผลิต

พอได้เห็น ก็ตก ตะลึงหนอ
ที่เพียงรอ ไม่กี่ นาทีนิด
ก็จะได้ โมเดล อย่างที่คิด
น่าพินิจ นั่งดู ก็สนใจ

และยิ่งเห็น โปรแกรม ของมันเข้า
ก็กระตุ้น รบเร้า เราเข้าใหญ่
เขียนแบบเส้น เป็นมิติ ได้ตามใจ
ทำงานใหญ่ ได้ง่ายดาย สบายดี

ร้านต่อๆ ไปหนา ซะส่วนใหญ่
เพราพวกรับ ทำได้ ตัวแบบนี้
ส่งอาร์ทเวิร์ค หรือโมเดล ไปถึงที่
และเขานี้ จะทำออก มาเป็นตัว

และยังมี ร้านทำของ แพ็คเก็จ
งานสำเร็จ มีให้ดู กระจายทั่ว
แต่ละครั้ง ดูไป ใจเต้นรัว
เพราะแอบชั่ว แอบเอากล้อง มือถือถ่าย

ด้วยเพราะเหตุ ต้องแพ็คเก็จ ห้ามกล้องเข้า
แต่ตัวเรา อยากมีรูป มาเก็บไว้
เพื่อให้แม่ เอามาใช้ งานวิจัย
ก็เลยไป เอามือถือ มาแอบดู

งานเพ็คเก็จ มีมาก น่าสนใจ
มาจากหลาย แหล่งไซร้ น่ารับรู้
เห็นตัวงาน เหมือนได้เรียน เป็นงานครู
ต้องไว้ดู เป็นวิสัย ภายภาคหน้า

บางร้านเป็น แพ็คเก็จ สินค้าใส่
อีกร้านหลาย ของตัวอย่าง ให้ศึกษา
มีความหลาก ความหลาย ของคนค้า
ต่างก็มา แสดงงาน ให้คนดู

เดินบนงาน ออกมา ก็มึนหัว
ก็เดินทั่ว อย่างนี้ ก็อดสู
เดินไปไหน เท้าย่ำ ตาก็ดู
เล่นเอากู เอาขา ลากกันไป

พอเดินออก จากแหล่ง เอ็กฮิบิต
ก็พินิจ สถานที่ สุดแสนใหญ่
มารดาเล่า สิ่งที่เกิด และเป็นไป
ว่าก่อนใหญ่ เคยเป็นไร ที่เป็นมา

ก็พบว่า จุดแสดง ที่เห็นอยู่
เคยเป็นอู่ เป็นเรือน คนดำหนา
เป็นแห่งก็ พวกคดี อาชญา
ไมค่อยกล้า จะเดิน มาย่ำกราย

ปรากฏว่า ประมาณปี ที่แปดหก
นิวยอร์คพก ความฝัน มาเข้าใส่
สร้างเป็นศูนย์ จัดแสดง สินค้าได้
คนมากมาย อยู่อาศัย และทำงาน

สภาพสังคม ตรงนี้ ก็เลยเปลี่ยน
เป็นบทเรียน น่ารู้ และน่าสน
หกหมื่นสอง ตารางเมตร ที่ได้ยล (62,700 m2)
เปลียนชีวิต ผู้คน ตลอดย่าน

ในเมืองไทย บางที ก็น่าคิด
หากต้องการ เปลี่ยนจริต และแก่นสาร
ของสถานที่ ในเมือง หรือกันดาร
การก่อสร้าง แหล่งงาน ช่างมีผล

เปลี่ยนสลัม เป็นแหล่ง ทำการค้า
คนก็มา ซื้อขาย กันมากล้น
เดิมที่เคย มีอาชีพ วิ่งชิงปล้น
อาจแก้จน โดยหาของ มาขายกัน

คิดแบบนี้ คิดได้ ไปเล่นเล่น
ไม่รู้เป็น จริงได้ หรือไม่นั้น
เปลี่ยนสังคม อันที่จริง ต้องช่วยกัน
เพื่อสร้างสรรค์ ลูกหลาน ให้ดำรง

จากนั้นเดิน ไปที่ เซอร์เคิ้ลลายน์
ฝนก็ตก เป็นสาย จำต้องสรง
เดินไปมา เราเอง ต้องกางร่ม
เห็นผู้คน มากมาย ตรงจุดนี้

เขามาต่อ เข้าคิว จะขึ้นเรือ
จุดหมายเพื่อ วนรอบเกาะ ดูรอบที่
แต่เราคิด มันไม่ใช่ โอกาสดี
เพราะหลายที่ ก็เคย ไปมาแล้ว

อีกทั้งฝน กระโปรย ลมพัดโบก
จะเปียกโชก กันเลย คงไม่แคล้ว
แถมมานั่ง รถยนต์ ใช่คนแจว
นั่งไปแล้ว จึงไม่จอด แวะให้นา

ก็เลยตัด สินใจ จะไม่นั่ง
และไปสั่ง ของกิน แถวนั้นหนา
กินอาหาร เป็นฮ๊อทดอก และโคล่า
กินเสร็จพา กันเดินไป ที่เมซี่ (Macy’s)

ปรากฏว่า ระหว่างเดิน เกินทนไหว
ท้องแสนปวด ทำใจ เต้นเร็วรี่
เหมือนท้องเสีย เพราะอาจกิน ของไม่ดี
หรือว่าเป็น สตอเบอร์รี่ ที่ซื้อมา

เพราะว่ากิน สตอนั้น ไปตอนเช้า
นี่ก็ราว บ่ายบ่าย เห็นได้หนา
ปวดระทม องค์ระทวย ช้ำอุรา
สีใบหน้า ก็ขาวลง สุดทนจริง

ลองไปเข้า บางตึก หาห้องน้ำ
ไม่ปรากฏ เส้นทาง ที่เข้าวิ่ง
“สตาร์บั๊ค” ก็รีบเข้า ด้วยลุ้นจริง
ก็ไม่มี ที่สิง สถิตย์ตัว

ก็อั้นไป เดินไป ถึงเมซี่
เอาทีนี้ วิ่งถาม กันไปทั่ว
เมื่อรู้ว่า อยู่ทางไหน ใจเต้นรัว
ก็วิ่งมั่ว เข้าไป ในห้องน้ำ

เหมือนท้องได้ ปลดเปลื้อง ความเป็นไท
เมื่อได้นั่ง ตรงใน ห้องห้องนั้น
ที่วิ่งพล่าน ปวดหัว พัลวัน
ถึงตรงนั้น ก็โล่ง สบายใจ

ก็เป็นเกล็ด เล็กเล็ก การเดินทาง
เมื่อห่างไกล จากบ้าน ทำอยู่ได้
อาหารมัน เปลียนแปล ต้องทำใจ
แต่ต้องถ่าย เป็นประจำ ดูแลตัว

เพราะบางที หากมี เหตุขัดข้อง
เล่นเอาท้อง ปวดจุก ขนลุกทั่ว
วิ่งไปไหน ไม่มีที่ โคตรน่ากลัว
ต้องมามั่ว หาห้องน้ำ น่าเศร้าใจ

การเตรียมการ อาหาร จึงมีค่า
การถ่ายหนา เป้นประจำ ต้องทำไว้
เพื่อจะได้ สุขกาย สบายใจ
และอยู่ได้ ตลอดกาล ที่เดินทาง

หลังจากนั้น ก็ซื้อของ ที่เมซี่
คุณแม่นี้ เดินหา ซึ่งตัวอย่าง
หิ้วกระเป๋า เดินไป หลายๆทาง
เพื่อหาร้าน เครื่องสำอางค์ มาวิจัย

หาซื้ออยู่ ได้ประมาณ สองสามร้าน
ก็กลับบ้าน โรงแรม ที่สดใส
ก็โล่งออก ได้พัก สบายใจ
แล้วค่อยไป หาอาหาร เป็นข้าวเย็น

ตอนเย็นนั้น กินข้าว ฟังตรงข้าม
ชื่อว่าร้าน “Pret”นี้ ที่ได้เห็น (Pret A. Manager)
โชคดีที่ มีคน แต่ไม่เต็ม
ก็เลยได้ นั่งกิน สบายใจ

กินอาหาร ข้าวปั้น แบบญี่ปุ่น
ก็หอมนุ่ง อร่อยดี อุ้มท้องไหว
แล้วก็แวะ ซื้อของหน่อย สบายใจ
แล้วกลับไป โรงแรม ก็เข้านอน

แต่คืนนี้ ก็ไม่ให้ รีบนอนหลับ
เรากำชับ ตัวเอง ต้องเจอส่วง
เพราะเป็นสิ่ง ช่วยเจือ ในใจดวง
ยิ่งในช่วง ตัวห่าง แสนจะไกล

และคิดว่า น่าจะ ได้เจอพ่อ
จะได้ติด โทรหา ทางสไกท์
เป็นเรื่องดี เรื่องประหยัด โทรทางไกล
แถมเห็นหน้า ภาพเคลื่อนไหว ทางเวปแคม

ก็เลยเล่น Internet ถึงห้าทุ่ม
ความคิดถึง ก็สุม เหมือนของแหลม
โอ้หัวใจ ดวงน้อย ถูกทิ่งแทง
เพราะโดนแกล้ง ให้เวลา มันต่างกัน

แล้วเธอก็ โผล่เข้ามา ทางสไกท์
ก็จึงได้ คุยกัน ณ ตอนนั้น
แต่แล้วก็ ความง่วง ไม่อาจกั้น
ก็จึงพลัน หลายไป อีกไม่นาน

สไกท์ก็ ยังคง เปิดออนไว้
ตื่นมาได้ ถัดไป ชั่วโมงสาม
แต่ความง่วง ไม่อาจ จะต้านทาน
ก็เลยพาน หลับไป คุยไม่นาน

ตื่นมาอีก ถัดไป อีกชั่วโมง
ไม่เห็นภาพ เชื่อมโยง น่าสงสาร
ก็เลยปิด คอมไว้ ไม่เนิ่นนาน
ไม่อาจต้าน ความง่วง ทีแสนทน

แล้วก็คื่น ขึ้นมา ในตอนเช้า
แล้วก็ก้าว จากโรงแรม และกางร่ม
วันดีๆ ตื่นตอนเช้า ก็เจอฝน
ทำเอาคน หมดแรง ได้เหมือนกัน

กินเข้าแล้ว ที่ร้านแพ็คซ์ ก็ที่เดิม
เมนูก็ ไม่มีเพิ่ม มีเท่านั้น
สั่งหมุนเวียน ในหกชุด คอยเปลี่ยนกัน
ก็ได้มั่น อยู่ได้ ไม่เป็นไร

ก็เดินทาง ออกจาก ร้านอาหาร
ไปสถาน พิพิทธภัณฑ์ อันยิ่งใหญ่
ชื่อว่า “เม็ทมิวเซียม” อันเกรียงไกร (Metropolitan Museum of Art)
โดยลงใต้ ดินไป แล้วเดินต่อ

พอได้เห็น ตัวจริง สถานที่
ดวงใจนี้ ก็ชื่นบาน เพราะเฝ้ารอ
ตึกอาคาร ใหญ่โต จนเกินพอ
ผู้คนก็ เรียงแถวกัน จะเข้ามา

พิพืทธภัณฑ์ เปิดตอน เก้าโมงครึ่ง
เราไปถึง ประมาณเก้า ก่อนเวลา
แต่ก็รอ มิได้นาน ซักนักหนา
ก็จึงพา กันไปซื้อ ตั๋วเข้าดู

บัตรนักเรียน ที่ทำมา ก็ลดอีก
จากราคา ให้ปลีก มากสุดกู่
ยี่สิบเหรียญ หรือเพียงครึ่ง สบายตู
แล้วจึ่งกรู เข้าไป ตามทางเดิน

อาจบอกได้ บัตรไอซิค ที่ทำมา (ISIC Card, Student Card)
สุดจะคุ้ม มีค่า ในหลายที่
ลดราคา หลายแห่ง มากมายดี
ถึงตอนนี้ ลดไปกว่า ยี่แปดดอลล์ (10 – Met, WTC; 8-MoMA)

จุดแรกที่ เข้าไป ในตัวเม็ท
คือของเด็ด ที่ใครมา ต้องเข้าก่อน
คือรูปปั้น กรีกโรมัน ตั้งตั้งนอน
เป็นที่ป้อน ความสนใจ เมื่อใครเยือน

พวกมะกัน นี้ช่างเก็บ ช่างประสาท
ที่ได้กวาด ของทั่วโลก มาเข้าเรือน
แล้วสร้างหอ ประดิษฐาน ไม่คลาดเคลื่อน
และเฝ้าเตือน คนระวัง ไม่ทำลาย

ของกรีกหนา โรมัน หลายพันชิ้น
แต่ละกิ่ง แต่ละห้อง ช่างมากหลาย
ทั้งต้นเสา ปั้นสัตว์ มีมากมาย
ที่ปั้นคล้าย ตัวคน มีมากล้น

โคเรนเที่ยน เสาใหญ่ มหาศาล
ก็ยังพาน เอามาไว้ อุตส่าห์ขน
เพื่อเป็นสิ่ง ให้เรียนรู้ ของผู้คน
เพื่อให้ปราชญ์ มีล้น ทั่วแผ่นดิน

แล้วเดินไป ดูศิลปะ ของอินเดีย
และเมโส โปตีเมีย ก็มีสิ้น
เห็นของจีน ดูมีมาก มายหลายชิ้น
มีของจริง ของขอม และของไทย

ศิลปะ งานปั้น ของทั่วถิ่น
งานเขียนสิ้น ก็สูงค่า น่าเลื่อมใส
เห็นภาพวาด อันวิไล ของใครใคร
ตั้งอยู่ไว้ ให้รู้ มีนับพัน

งานเขียน ของศิลปิน มีชื่อเสียง
จะไล่เรียง ชื่อคน คงไม่ทัน
เพราะไล่แล้ว คงจะ เป็นร้อยพัน
เกินจะสรรค์ หาทาง มาเล่าสู่

งานเด่นเด่น เช่น “อิม เพรสชั่นนิสม์”
ที่ถูกคิด ศตรวรรษ สิบเก้าอยู่
ศิลปิน ท่านผู้สร้าง ภาพให้ดู
ชื่อก็รู้ ทั่วกัน อย่างเป็นมา

ทั้ง “แวน โกะห์” “โมเนต์” และ “เรอนัวร์”
ก็มีภาพ ไปทั่ว หลายรูปหน้า
ทั้ง “สุราจ” “โกแกง” ก็มีมา
รวมกันหนา มากจน ล้นประมาณ

ภาพ “แวน โก๊ะห์” วาดตัวเอง ก็สุดล้ำ
ภาพ “โกแกง” วาดคนรำ ที่สืบสาน
โกแกงไป ตาฮีติ เป็นตำนาน
เพราะได้สร้าง งานวาด ไว้มากล้น

ภาพเหล่านี้ ศตวรรษ ที่สิบเก้า
ก็มีชาว ศิลปิน มากหลายคน
งานกระจาย มากมาย ทุกแห่งหน
โดยเป็นคน จากยุโรป เป็นส่วนใหญ่

ภาพส่วนมาก เป็นภาพ จริงเสมือน
ดูแล้วเคลื่อน ตามอารมณ์ สุดสั่นไหว
มองภาพก็ พอง่าย จะเข้าใจ
ดูเห็นภาพ น้อยใหญ่ ดูเข้าที

แต่พอมา เป็นภาพ “แอปสแตก” (Abstract)
เห็นทีแรก ก็คิดว่า ตัวเรานี้
คงจะยาก หากจะ ดูให้ดี
เพราะยากที่ จะทำตัว ให้เข้าใจ

แต่ก็รู้ ว่าภาพ มันเขียนยาก
เห็นมีมาก ก็พลอย จะเลื่อมใส
งานของ “บาร์ค” “ปิกาสโซ่” ก็ยิ่งใหญ่
เหมือนที่ใคร ต่อใคร เขาว่ากัน

หลังจากนั้น ฉันดู โมเดิร์นอาร์ท
ความนี้มาก เยอะแยะ ช่างสุขสรรค์
ศิลปะ ดูดี มารวมกัน
ก็มีไว้ ณ ที่นั้น ให้มองดู

แล้วก็ต่อ ดูศิลปะ โอชีเนีย
ทั้งหมดเสีย เป็นพวก ดั้งเดิมอยู่
งานของเผ่า “อะบอริจิ้น” ช่างน่าดู
น่าเรียนรู้ ได้พบเห็น สบายใจ

มีทั้งเครื่อง ใช้สอย มาประดับ
เห็นหน้ากาก เด่นชัด ที่สวมใส่
แล้วก็เคลื่อน บาทบง แล้วเดินไป
แล้วดูได้ ซึ่งอียิปต์ โบราณมา

เห็นสฟิงค์ เห็นหลุมศพ และวิหาร
อลังการ ศิลปะ ขนานใหญ่
หวนนึกภาพ ฟาโรห์ เหมือนนิยาย
เดินดูไป ก็ตะลึง สิ่งแสดง

แล้วก็ไป กินอาหาร ที่ข้างใน
เป็นแซนวิช มีไส้ เนื้อแห้งแห้ง
น้ำเบอรรี่ เป็นสี ออกแดงแดง
รสไม่แรง กินแล้ว อร่อยดี

กินเสร็จแล้ว ก็เดินออก จากตรงนั้น
แล้วไปดู อาวุธกัน ตรงอีกที่
มีทั้งเกราะ คนม้า ที่รบตี
สู้ไพรี ปกป้อง ประเทศตน

บ้างใช้เป็น อาวุธ ที่รุกร้าน
หวังสร้างบ้าน สร้างสถาน ให้ใหญ่ล้น
ตีประเทศ ใกล้เคียง จนปี้ป่น
ทำลายคน ทำลายชาติ จนวอดวาย

เห็นอาวุธ เสื้อเกราะ อนิจจา
เพราะเป็นเครื่อง เข่นฆ่า ขนานใหญ่
นี่แหละตัว ทำคน พ้นความไท
และนำคน สู่ความตาย แต่โบราณ

เสร็จจากนี้ ก็เดิน ออกเร็วนี้
แล้วมาที่ “กูเก้นฮาล์ม” แหล่งสถาน
เป็นพิพิทธ –ธะภัณฑ์ อะลังการ
ที่เอางาน มาแสดง เป็นช่วงไป

ช่วงที่เข้า ช่วงนี้ ช่วงฉลอง
ที่แห่งนี้ ครองอายุ ห้าสิบไซร้
ถูกออกแบบ โดยท่าน “แฟรงค์ ลลอย์ ไรท์”
จึงทำนิ- ทรรศการใหญ่ ให้แก่ท่าน

แฟรงค์ เป็นสถา –ปนิกใหญ่
ที่โยกย้าย จากเยอรมัน จากถิ่นนั้น
มาตั้งฐาน ชิคาโก้ แหล่งค้ำยัน
และมะกัน ไปตลอด จนสิ้นใจ

กูเกนฮาล์ม จัดแสดง แบบแปลนเขา
และให้เรา ดูภาพเขียน ที่เตรียมไว้
ของเคซานน์ ศิลปิน ชั้นผู้ใหญ่
โมเนต์ไซร้ และใครอีก หลายหลายคน

กลับมาพูด ถึงเรื่องงาน ของท่านไรท์
อาจเรียกได้ ว่าเป็นงาน ที่น่ายล
ไรท์ออกแบบ สถานที่ ชี้นำคน
ให้อยู่ปน อย่างสุขใจ ไม่แย่งชิง

ไรท์มีแนว คิดเห็น เป็นธรรมชาติ
เห็นจากภาพ แบบแปลน ก็เป็นจริง
งานทุกงาน สิ่งที่สร้าง ทุกทุกสิ่ง
ล้วนมีกิ่ง ก้านไม้ ในตัวเรือน

มีอาเขตต์ ของต้นไม้ ธรรมชาติ
และกลมกลืน มากมาก ดูเสมือน
เปิดใจรับ ธรรมชาติ ให้มาเยือน
เป็นสิ่งซ้ำ ย้ำเตือน ของพวกเรา

ธรรมชาติ มีค่า ต้องรักษา
ต้องดูแล ให้ดีกว่า ทั้งป่าเขา
ทุกวันนี้ โลกต้อง พบความเศร้า
ก็เพราะเรา ไม่ดูแล ความเป็นไป

หากอยากให้ โลกา ทุเราโลก
ให้เย็นโบก ร้อนนี้ ให้หนีไกล
ก็ต้องทำ ต้องสร้าง นิสัยใหม่
ปลูกป่าไม้ ลดการใช้ พลังงาน

กลับมาพูด ถึงงาน ของไรท์ต่อ
ท่านเจ้าพ่อ สถาปัตย์ ท่านสืบสาน
ต่อเนื่องมา ยึดหลัก ปนิธาน
สร้างสรรค์งาน น่าชื่นชม และมากมาย

หลายงานนั้น ที่ท่านวาด ไม่ได้สร้าง
เพราะเป็นงาน นำเสนอ ความคิดใหม่
บ้างเป็นงาน จ้างให้เขียน แล้วเปลี่ยนใจ
บ้างคิดไว้ แต่ไม่ได้ เอามาทำ

เช่นงานการ สร้างกรุง แบกแดดใหม่
แต่ก็ถูก ดับใจ รัฐโดยคว่ำ
กลุ่มพวก รัฐประหาร ของซัดดัม
ก็เลิกทำ งานที่ไรท์ ได้วางแปลน

แต่แปลนของ เมืองแบกแดด อันยิ่งใหญ่
มหาลัย แบกแดด ที่สุดแสน
ยากจะหา สิ่งใด มาทดแทน
เพราะเป็นแปลน ที่คิดได้ สง่างาม

มีทั้งเกาะ กลางน้ำ เชื่อมถนน
มีทั้วสวน อยู่บน เรียนสถาน
สถาปัตย์ กลมเกลือนธรรม เหมือนเป็นบ้าน
สง่างาม สุกใส และใหญ่โต

และยังมี เมืองในฝัน ของท่านไรท์
ที่คิดไว้ วาดเป็นแปลน อันอุกโข
แต่เป็นเพียง หลักการ อันใหญ่โต
ไร้คนใด ที่ใหญ่โต กล้ามาทำ

แนวคิด เมืองในฝัน ของท่านไรท์
นั่นคือที่ ใครต่อใคร อยู่ใกล้กัน
มหาลัย ราชการ อยู่รอบนั้น
ไปหากัน ง่ายดาย สบายใจ

เป็นบ้านเมือง ที่แสน จะมีสุข
แฟรงค์ไม่ชอบ เมืองชุก บ้านเมืองใหญ่
งานออกมา น่าชื่นชม ในหัวใจ
ที่ทำได้ วาดเป็น เห็นความจริง

หลังจากนั้น ก็ไปต่อ ไชน่าทาวน์
หากินข้าว แล้วซื้อของ –ฝากหลายสิ่ง
แถวแถบนี้ ราคา ไม่ค่อยนิ่ง
ต้องลองวิ่ง ลองเดิน หาร้านได้

ก็เห็นร้าน แถวนี้ ดูดีอยู่
ก็เลยกรู ลองซื้อ ก็พอไหว
เลยซื้อของ ฝากนั้น กลับเมืองไทย
หวังไปให้ เพื่อนกัน ทุกทุกคน

แล้วก็เดิน ทางกลับ สู่โรงแรม
ก็ยังแถม แวะระหว่าง ทางถนน
ซื้อรองเท้า คู่ใหม่ และขนม
ที่มีคน ฝากซื้อ มาให้เขา

แล้วก็เอา ของที่พี่ –สาวเค้าสั่ง
ที่ฝากส่ง ให้กัน โรงแรมเรา
ขึ้นมาถึง บนห้อง ก็เดินเข้า
แล้วก็เล่า เรื่องราว ผ่านกลอนมา

ตื่นรุ่งเช้า รีบอาบน้ำ แล้วกินข้าว
ที่แพ็คซ์ราว กับเป็นบ้าน ทุกมื้อหนา
ด้วยเพราะใกล้ และไม่แพง ด้วยราคา
ก็เลยกิน ทุกมื้อมา ทุกทุกวัน

แล้วจับแจง ส่งตัวอย่าง ของวิจัย
เอาส่งไป ที่ไปรษะ -ณีย์แถวนั้น
ชื่อสถาน ว่า “ยูเอส พีเอส” อัน
ตั้งใหญ่โต อยู่แถวนั้น เลยส่งไป

หาซื้อกล่อง แล้วเปิด แล้วเฝ้ายัด
แน่นขนัด เพราะอัด บีบเพื่อใส่
แล้วพันรอบ ด้วยเทปกาว อย่างตั้งใจ
เพื่อจะให้ ส่งถึงที่ สวัสดี

ตอนจะเขียน ไปรษณีย์ ถึงที่หมาย
โชคดีได้ คนช่วยเหลือ แนะนำนี้
เลยปฏิ- บัติได้ถูก ตามวิธี
ส่งไปที่ ได้ตามคิด อย่างหมายปอง

หลังจากนั้น ขึ้นรถ ไฟใต้ดิน
ไปถึงถิ่น “โคลัมเบีย” มหาลัย
ช่างโอ่โถง ตระการตา กว่าที่ใด
ลานกว้างใหญ่ ให้ชื่นชม สง่ามี

ห้องสมุด สองข้าง ตามลานอ้า
ช่างสง่า ดูน่า มีราศี
สมกับเป็น มหาลัย กลุ่ม “ไอวี่”
กลุ่มที่มี ยอดโรง มหาลัย

หอสมุด โคลัมเบีย ช่างงามงด
จำต้องจด กลอนนี้ บันทึกไว้
ประดับเสา โคเรนเทียน สุดจับใจ
และกว้างใหญ่ มีบันได เดินไปถึง

ทางด้านหน้า ก็มี หน้าสวย
ช่างสำรวย สวยงาม จนตะลึง
ใครได้ยล ก็คง จะพอพึง
เป็นที่หนึ่ง แห่งนิวยอร์ค อย่างยิ่งยง

หน้าอาคาร มีอนุ –สาวรีย์ ดูด้านหน้า
แกะสลัก “Alma Mater”ตรง-
ฐานอนุ -สาวรีย์ เป็นมั่นคง
ความหมายตรง แปลได้ว่า มหาลัย

รูปปั้นเป็น รูปผู้หญิง เป็นพระแม่
ตามตามเชื่อ นานแท้ สืบต่อไว้
ว่าคือแม่ ผู้เลี้ยงดู ชูชื่นใจ
สมัยใหม่ ความใหม่ตรง เป็นโรงเรียน

แล้วเดินไป ข้างหลัง ห้องสมุด
ก็เป็นจุด ตานี้ คนชี้ไว้
เนื่องจากถาม คนแถว มหาลัย
และเขาไซร้ ชี้กันมา ตามตามกัน

ที่แห่งนี้ คือคณะ “บริหาร”
เป็นสถาน MBA ที่สอนสรรพ์
เดินขึ้นไป เพื่อจะได้ มาฟังกัน
เพราะที่นี้ ที่นั้น เป็นอย่างไร

พอไปถึง ห้องธุ –ระการนี้
คนข้างบน กลับชี้ ลงมาใหม่
บอกว่าพูด ตึกอื่น หานี้ไม่
ต้องออกไป ถึงถนน “Amsterdam”

ตัดสินใจ เดินออกไป กับคุณแม่
เพื่อหาของ กินแก้ ความหิวนั้น
เดินออกไป หาร้าน กันลำพัง
ก็ไปยัง ร้านอาหาร ชื่อร้านทอมส์ (TOM’s)

ขออรรถา –ธิบาย ถึงแถบนี้
ช่างเป็นที่ รื่นรมย์ และเพรียบพร้อม
ทั้งอาหาร การกิน จนหอนอน
ท่าจะไม่ เดือนร้อน นักศึกษา

บรรยากาศ รอบนี้ ก็ใช้ได้
ข้าวของใช้ ก็ไม่แพง พอกินหา
ห้องสมุด ของเมือง อยู่ข้างหน้า
ไม่ต้องเสีย เวลา หาที่ไป

รถไฟใต้ ดินนี้ ก็ขึ้นตรง
นี่ก็คง ยากหา เหมือนที่ใด
ผู้คนก็ ดูดี มีน้ำใจ
ช่างเป็นเมือง มหาลัย อย่างแท้จริง

กลับมาเรื่อง ร้านอาหาร ที่เข้านั่ง
เราก็สั่ง “ไจโร” (Giros) มาลองกิน
เหตุเพราะนาน หลายครั้ง ได้ยลยิน
แม่เคยบอก พ่อชอบลิ้ม จึงสั่งดู

กินไปแล้ว ก็เหมือนเหมือน กับทั่วไป
ก็หนมปัง ที่ได้ ใส่เนื้อหมู
แต่รวมรวม รสชาติ ก็พอดู
ได้รับรู้ ของดี ก็ดีใจ

แล้วเดินทาง ไปตึก ที่ได้แจ้ง
ขึ้นไปแล้ง ซึ่งคนฟัง คนไหนไหน
ห้องก็ถูก คนอื่น เขายังใช้
เพราะเราไป ก่อนเวลา หลายนาที

ก็เลยเดิน ลงไป นั่งตรงสวน
บรรยากาศ เชื้อเชิญ ให้เปรมปรีย์
ยิ่งมองรอบ ยิ่งชอบ ณ ที่นี้
หากว่ามี โอกาสดี คงได้มา

แต่ก็คิด คนเรียน ณ ที่นี้
ล้วนเป็นคน โคตรมี ความเก่งหนา
คนอย่างท่าน เพรสซิเด้น “โอบาม่า”
ที่สง่า เรียนเก่ง เคยเรียนตรี

คนอย่าง“วอร์ เรนบัฟเฟต์” ที่รวยสุด
ก็ได้จุด ความรู้ จากที่นี่
CEO สุดยอด อย่าง “เจมมี่
-เดนม่อน”นี้ ก็เรียน MBA (Jamie Damon, JPMorgan Chase)

นอกจากนี้ คนอย่าง ท่าน “รูบิน”
ซีอีโอ สุดนิ่ง และสุดเท่
และยังเคย เป็นรัฐมนตรี ที่เด่นเด่
ที่ทุ่มเท ของรัฐบาล ของคลินตั้น

หากเป็นบุญ อาจจะได้ มาเรียนบ้าง
เพื่อจะสร้าง ตัวตน ให้สำคัญ
เพื่อเสริมส่ง ความกล้า เป็นผู้นำ
เพื่อยึดคุณ -ณธรรม นำพาไทย

แล้วก็เข้า ไปฟัง เขาเล่าเรื่อง
คนแน่นเนือง แห่กันมา เข้ากันใหญ่
เราเป็นหนึ่ง คนเดียว จากแดนไทย
เอเชียตะ วันออกใต้ ก็คนเดียว

คนบรรยาย ชื่อว่า “แคทารีน”
พอได้ยิน เสียงเธอ ช่างปราดเปรียว
คำพูดจา ก็สง่า ไม่ห่อเหี่ยว
และก็เที่ยว ไล่แสดง ให้เข้าใจ

เขาบอกถึง คุณค่า ของที่นี่
แล้วอยู่ใน เมืองนี้ ยิ่งดีใหญ่
คนนิวยอร์ค นักค้า มหาลัย
ช่างกลมกลืน กันได้ อย่างปะปน

เขาบอกว่า คนนอกมา จักมาสอน
มาช่วยป้อน แหล่งปัญญา ทุกแห่งหน
นี่คือข้อ ที่ดี ของมณฑล
ก็เพราะคน นิวยอร์ค ช่วยสอนกัน

และยังมี ศิษย์เก่า มหาศาล
ว่าประมาณ สามหมื่นเจ็ด ทั่วโลกนั้น
หากต้องการ มีอะไร ก็แบ่งปัน
ถึงขึ้นสรรค์ ช่วยหางาน ในต่างแดน

เอ็มบีเอ ที่นี่ ไม่มีเอก
ไม่ได้เสก ให้เก่ง หนึ่งทางเน้น
แต่ให้ทำ หลายหลายอย่าง ให้ทำเป็น
และให้เห็น ภาพกว้าง หลายงานมี

แต่ก็มี วิชา ให้หาเลือก
เป็นอาชีพ มาครอบเปลือก มีศักดิ์ศรี
จำนวนก็ ไม่ใช่ สักว่ามี
เพราะที่นี่ ร้อยสามสิบ วิชาการ

ทั้งเล่าเรื่อง ทั้งบอก ถึงการเข้า
เห็นแล้วเรา ก็วาด เป็นทางฝัน
จะต้องเขียน เอสเส ให้เห็นกัน
ว่าเรานั้น เหมาะสม ประการใด

จะต้องหา อาจารย์ สุดที่รัก
มาแจ้งชัด ว่าเรา นั้นพอไหว
แจ้งอีกว่า เรามีจิต ที่ยิ่งใหญ่
และเราแจ้ง เป้าหมาย ไปด้วยกัน

จีแม็ทนั้น ก็ควร ทำได้สูง
เพื่อชักจูง ให้เขา เห็นค่านั้น
โทเฟลก็ สำคัญ ไม่แพ้กัน
จะต้องหมั่น ฝึกปรือ แล้วสอบไป

ในการเล่า ของเขา ในวันนี้
คนที่นี่ ถามคำถาม กันไปใหญ่
เหมือนเป็นพฤติ –ติกรรม โดยทั่วไป
ของคนใน ตะวันตก ที่ซักกัน

แต่เรานั้น นั่งเงียบ เปรียบเป็นสาก
เพราะไม่อยาก พูดมาก โดยด้นดั้น
หนึ่งเพราะไม่ มีคำถาม ที่งงงัน
สองยังมี กำแพงกั้น เรื่องภาษา

กลัวเหมือนกัน หากกล่าว พูดออกไป
แล้วตอบโต้ ไม่ได้ จะอายหนา
เลยตั้งใจขอ เวลา ให้ศึกษา
และติดตาม จนกว่า จะเข้าใจ

หลังจากคลาส แนะนำ นี้เสร็จสิ้น
ก็ตรงดิ่ง ไปหา ผู้บรรยาย
บอกว่าอาจ อยากได้คำ อธิบาย
จะส่งหมาย ทางอีเมลล์ เพื่อแจ้งความ

แล้วก็ขอ อีเมลล์ แอเดรสเขา
เขาก็มอบ ให้เรา ไม่เกรงขาม
เรารับมา ก็ตั้งใจ พยายาม
ศึกษาแล้ว จะส่งถาม กันต่อไป

แล้วก็เดิน ทางต่อ ไปที่หน้า
พิพิทธภัณฑ์ ที่สง่า กว่าที่ใด
ผลสำรวจ โพล์มะกัน เขาว่าไว้
ว่าเป็นอัน ดับหนี่งใน ที่คนมา

ชื่อว่า “Natural History”
ซึ่งเป็นที่ ให้คน มาดูได้
รวบรวมแห่ง ธรรมชาติ มากน้อยใหญ่
มารวมไว้ ในตึก อลังการ

ข้างหน้าตึก เป็นอนุ สาวรีย์
ของประธา นาธิปดี รูสเวลส์นั้น
ชื่อต้นว่า ทีโอดอร์ ตั้งตระงัน
อยู่หน้านั้น สวยงาม ตระการตา

พิพิทธภัณฑ์ ตั้งตั้งแต่ ปีหกเก้า (1869)
เก็บเรื่องราว ธรรมชาติ แห่งโลกา
ตั้งแต่ต้น กำเนิดจักร –กระวาลมา
ไปจนถึง ปัจจุบัน ที่เป็นไป

เดินเข้าชม ก็เห็นเป็น ประจักษ์
เรื่องราวมาก ราวมาย อันยิ่งใหญ่
สามารถเห็น และพบ ที่นี่ได้
ประหลาดใจ จนอยาก เล่าสู่กัน

กลุ่มแรกที่ เห็นได้ และต้องว่า
คือที่ตา ได้เห็น ช่างสุขสันต์
เป็นหุ่นที่ ทำจำลอง คนทั่วกัน
แอฟริกัน คนเอเซีย และทั่วแดน

ใครคนใด ได้เดินมา ณ ที่นี้
ก็จะเห็น ทั้งโลกี คนทั่วแดน
จำลองการ พฤติกรรม คนสุดแสน
ไม่คลาดแคลน ความรู้ สักนิดเดียว

มองคนจีน คนไทย มันก็มี
บอกถึงที่ วัฒนธรรม ไปทั่วเที่ยว
แสดงเรื่อง วาดราว ในคราเดียว
เหมือนได้เที่ยว ทั่วโลก เสมอกัน

แล้วก็มี ชาติกำเนิด แห่งมนุษย์
ก็แสนสุด จะบรรยาย ให้พร้อมสรรพ์
สื่อแสดง มากมาย ให้รู้กัน
กว่าเป็นฉัน เป็นคุณ ช่างเนิ่นนาน

ตั้งแต่ที่ เป็นลิง ยืนสี่ขา
แล้วก็พัฒ –ฒนา มาสืบสาน
กว่าเป็นคน ใช้เวลา อันเนิ่นนาน
ขาจึงต้าน พื้นดิน ตลอดไป

อีกสองขา ยืดย้าง เป็นสองแขน
ตัวเคยแกน ก็ยืด หลังตรงได้
ขนปกคลุม เริ่มต้น จางหายไป
ก็กลับกลาย เป็นใครใคร ที่เห็นกัน

มีเรื่องเล่า ถึงเผ่าพันธุ์ ก่อนนั้นนี้
ก่อนจะมี มนุษย์หนา ก่อนหน้านั้น
เป็นแผ่นดิน ไดโนเสาร์ นานาพันธุ์
ก่อนพวกมัน จะสิ้นไป เมื่อนานปี

พิพิทธภัณฑ์ ต่อกระดูก ไดโนเสาร์
เล่นเอาเรา ตกตะลึง ขนาดนี้
ต่อเป็นตัว เห็นเป็นตน ช่างดูดี
และเป็นที่ คนมากมาย มารุมดู

ไดโนเสาร์ อยู่โลกนี้ มานานเนิ่น
อยู่มาเกิน หลายล้านปี ก่อนพวกสู
จนกระทั่ง ลาวา พ่นจากรู
ควันขึ้นสู่ บรรยากาศ จนยากยง

ไดโนเสาร์ ล้มตาย จนสูญสิ้น
แต่บางสิ่ง ก็ยังคง ไม่หายลง
นกจระเข้ เต่าหนา ยังมั่นคง
ปลาก็ยง ยังยืนพันธุ์ ไม่ทันลา

แล้วก็ดู ไปถึง ก่อนหน้านั้น
เรื่องราวมัน ยาวนานกว่า ไดโนหนา
เพราะเริ่มจาก สัตว์เลื้อยคลาน มาก่อนหน้า
ก่อนผันพา เป็นไดโนเสาร์ อย่างที่เห็น

สัตว์เลื้อยคลาน ตอนแรก เริ่มจากเต่า
แล้วจึงเคล้า จึงกลาย จึงหายเป็น
กลายเป็นสัตว์ ยิ่งใหญ่ อย่างที่เห็น
ใช้เวลา กว่าจะเป็น หลายล้านปี

ก่อนหน้าที่ มีเต่า ขึ้นบนโลก
มันไม่มี ขาคคอยโบก กวาดน้ำนี้
เริ่มต้นจาก เป็นปลา หลายล้านปี
กว่าจะเป็น เต่าที่ ได้เห็นกัน

อันว่าปลา คือต้น แห่งกำเนิด
ของสัตว์เลิศ ที่มี โครงสันหลัง
พัฒนา จนเป็นสัตว์ มีกำลัง
แลคนนั้น จะสืบพันธุ์ มามั่นคง

พิพิทธ์ภัณฑ์ ทำจำลอง เรื่องที่เล่า
เล่นเอาเรา แสนตะลึง ทุกสิ่งสง
หาที่ไหน คงยากมี เป็นมั่นคง
เห็นแล้วปลง อยาให้ไทย เรามีบ้าง

พูดเรื่องปลา มันเล่นทำ ปลาวาฬใหญ่
ขนาดไซร้ เท่าตัวจริง ก็ถักสาน
แขวนสลิง ห้อยลงมา จากเพดาน
สุดที่จะ อุปทาน ว่าอย่างไร

ยิ่งพวกสัตว์ อื่นอื่น ที่เห็นเล่า
ก็สตาฟฟ์ มันเอา คงรูปไว้
ทั้งยังมี เรื่องราว ให้อ่านได้
คนมากมาย ได้ความรู้ โดยทั่วกัน

โรงเรียนไม่ ต้องมี สื่อการสอน
แค่พาต้อน พวกเด็ก มาที่นั้น
แค่นี้ก็ เรียนได้ เข้าใจกัน
และสุขสันต์ จากที่เห็น ตะลึงตา

ก็เลยคิด ว่ามะกัน นั้นช่างดี
ที่สร้างมี พวกนี้ ให้ศึกษา
เด็กรุ่นใหม่ เต็มไปด้วย ภูมิปัญญา
เพราะเปิดตา ส่องโลก แต่วัยเยาว์

แต่เด็กไทย เรานี้ น่าสงสาร
ออกจากบ้าน เข้าห้าง นั้นแสนเศร้า
เปิดทีวี เจอละคร ก็น้ำเน่า
แล้วชาติเรา จะแข่งขัน กันยังไง

จุดอื่นของ พิพิทธภัณฑ์ ก็น่ารู้
มีทางลู่ ให้เดินตาม แล้วอ่านได้
เป็นเรื่องราว หมื่นสามพัน ล้านปีไป
ตั้งแต่ไซร้ เกิดบิ๊กแบงค์ จักรวาล

และก็มี เรื่องราว ของท้องถิ่น
เรื่องชั้นดิน ของนิวยอร์ค ที่สืบสาน
อย่างที่เคย เขียนไว้ ให้ได้อ่าน
ที่นี่มี ให้บาน ได้จุใจ

อุกกาบาต มันยังมี เป็นศรีห้าง
ที่มันดับ สิ้นทาง กรีนแลนด์ใหญ่
ก็ยังอุต สาหะ หามาได้
เราเห็นก็ ตะลึงใจ ยิ่งใหญ่นา

ชื่อของมัน ว่า“อะ นิฮิโต้” (Ahnighito meteorite)
ใหญ่อุโข เห็นแล้ว ตะลึงหนา
นำหนักมัน สามสิบสี่ ตันช่างมา
เป็นก้อนหนา ใหญ่โต น่าสนใจ

เรื่องราวเขียน บอกไว้ ที่ด้านข้าง
ตอนเดินทาง สุดโต และสุดใหญ่
แล้วก็ผ่าน บรรยากาศ โลกมาไซร้
ขนาดก็ ได้เล็กลง ในตอนนั้น

แล้วยังมา มีการ แตกสลาย
มันก็กลาย เป็นชิ้นเล็ก แตกกระสัน
หากรวมกัน จะได้กว่า สองร้อยตัน
ไม่รู้มัน หาข้อมูล มายังไง

นอกจากนี้ ยังมี กว่านี้อีก
ทั้งเรื่องราว รวบปลีก อีกมากมาย
สัตว์ป่าทั่ว โลกา และต้นไม้
ก็เห็นได้ จากที่นี้ เป็นมั่นคง

เรื่องต้นไม้ นึกขึ้นได้ จึงจะเล่า
ที่ตัวเรา ไปเห็นมา พิศวง
เป็นไม้ใหญ่ ตัดมาไว้ เป็นมั่นคง
มันถูกส่ง มาจาก แคลิฟอเนีย

ต้นไม้ใหญ่ ตัดมาเมื่อ ปีเก้าหนึ่ง (1891)
ชื่อตะลึง “ไจแอนท์ เชคคอเอีย” (Giant Sequoia)
ยิ่งใหญ่กว่า ไม้อื่นใด ที่เห็นเสีย
เพราะไล่เลี่ย อายุราว พันสามร้อย

ก็ตะลึง เห็นไม้ ใหญ่อย่างนั้น
ประมาณว่า คนโอบกัน คงทั้งซอย
เป็นไม้ยักษ์ และอายุ ก็นานคล้อย
จึงทยอย ค่อยคอ่ยโต อย่าที่เห็น

ก็เป็นจุด หลักหลัก ของที่นี้
จะพอดี จะมาเล่า เป็นการเน้น
หากอยากดู จะต้อง มาเพื่อเห็น
ใจจะเต้น ที่ได้พบ จะตกใจ

หลังจากนั้น กางร่ม เพราะฝนปรอย
ออกไปหน่อย ถึงสถาน แสควร์ไทม์
ด้วยเหตุอยาก ตึกดีลอยท์ เป็นภาพถ่าย
ปรากฏไป ผิดตึก หมดยินดี

ไม่เป็นไร ก็เดิน จากเส้นนั้น
เพราะใกล้กัน กับโรงแรม เราอยู่นี่
เลยเดินเท้า ค่อยค่อยไป อย่างดีดี
แล้วแวะที่ ร้านอาหาร อิตาลี่

มื้อนี้หนา เรียกได้ว่า เป็นส่งท้าย
ก็กินได้ ซึ่งพิซซ่า ณ ร้านนี้
ร้านเขาก็ ทำอาหาร น่ากินดี
และอิ่มพี ก็เดินกลับ เข้าที่นอน

ก็กลับมา อาบน้ำ แล้วตั้งใจ
ร่ายนิราศ เป็ไป ใจความกลอน
เพื่อหวังงาน นี้เป็น อนุสรณ์
เป็นนิราศ คำกลอน อันเกรียงไกร

หลับตื่นนอน มาตอน ตีห้าครึ่ง
ตาก็ผึ่ง ไม่ง่วงหาว หน้าสดใส
รีบอาบน้ำ จัดเก็บ กระเป๋าไป
เพื่อให้เสร็จ ทันได้ ตามคำนึง

ลงจากโรง แรมไป แต่หกกว่า
เพื่อจะมา ขึ้นรถ เจ็ดโมงครึ่ง
รอมานาน รถมัน ก็ไม่ถึง
แม่ก็จึง โทรไป หาปัญหา

โอ้เจ้ารถ “แอร์ลิ้งค์” เจ้ารายเก่า
มันบอกเรา จะคอนเฟิร์ม ตั้งโทรหา
เจ็บปวดนัก ปวดใจ ในอุรา
จึงบอกว่า ให้มันมา โดยเร็วไว

ก็ทัวร์ที่ เมืองไทย เขาได้บอก
ว่าไม่จำ เป็นหรอก ที่โทรไป
เพราะการจอง เรียบร้อย สำเร็จไซร้
ตั้งแต่อยู่ เมืองไทย มานานวัน

แต่วันนี้ รถกลับว่า เราไม่โทร
น่าโมโห เสียจริง แม่กับฉัน
แต่ไม่รู้ โยนความผิด ให้ใครกัน
ก็ได้แต่ เร่งมัน ให้รีบมา

ในที่สุด ปัญหา ก็ได้แก้
รถมาแน่ ตอนแปด โมงครึ่งหนา
ก็เลยไป ซื้ออา -หารเช้ามา
เพื่อมากิน จนกว่า เวลาไป

แล้วรถก็ มารับ จากโรงแรม
มีคนมา ร่วมแจม ในรถใหญ่
เป็นอเมริกัน สองคน ช่างสดใส
ก็ฟังเขา คุยกันไป พลางหลับตา

คนขับรถ นับว่า ช่างคุยเก่ง
ดูแล้วเป็น อัธยาศัย แสนดีหนา
นึกถึงแท็ก –ซี่เมืองไทย ที่จากมา
ก็ถือว่า คล้ายกัน เสมอเหมือน

แต่ที่คล้าย กันอีก ก็อีกอย่าง
คืนหนทาง ทางถนน ก็เปรอะเปื้อน
รถก็ติด ทุกข์ใจ ผู้มาเยือน
และขับรถ ก็เหมือน ในตรงบ้านเรา

ที่ว่าเหมือน ในกรุงเทพ ดั่งฉะนั้น
ก็เพราะมัน ขับซิ่ง และรบเร้า
ตอนที่เดิน บนถนน กลัวชนเรา
ตอนนี้ก็ กลัวชนเขา เสมอกัน

แล้วรถก็ มาส่ง ถึงเทอร์เจ็ด (Terminal 7)
เป็นอันเสร็จ สิ้นเดินทาง ถนนนั้น
แล้วเข้าสู่ เจเอฟเค พัลวัน
ก็ภพเห็น คนนั้น มากมายดี

แล้วก็เข้า ไปถึง ตรงด่านตรวจ
เห็นตำรวจ ยืนคุม ณ จุดนี้
เพื่อดูของ สัมภาระ สิ่งไม่ดี
จัดแจงรี่ ถอดเสื้อ และรองเท้า

เห็นตอนแรก ตัวเอง ก็งงงง
แต่เข้าใจ ว่าคง ความคิดเขา
ว่าเกรงกลัว เชื้อโรค ทั้งออกเข้า
และเกรงเรา นำของ ที่รุนแรง

ด้านเชื้อโรค นึกแล้ว ก็หวนคิด
“สไวน์ ฟลู” ที่มันติด แทบทุกแห่ง
แฟนเขาบอก ที่เมืองไทย ก็รุนแรง
มีโรงเรียน บางแห่ง ต้องปิดตัว

ตอนแรกมา ในเมืองนี้ ก็นึกหวั่น
คิดว่ามัน อาจจะติด นึกแล้วกลัว
และเลยหมั่น ล้างมือ ดูแลตัว
ไม่มามัว จับมือเขา ก็เบาใจ

พอมารู้ ในเมืองไทย ก็เป็นหนัก
ก็เลยชัก คิดต่อ อย่างเข้าใจ
อีกไม่นาน โลกทั้งโลก คงเป็นไป
เป็นเรื่องใหญ่ ที่คน ต้องช่วยกัน

เป็นสำคัญ อนามัย จึงเป็นสุข
เป็นเกราะป้อง กันทุกข์ ที่โหมหัน
หมั่นสะอาด ล้างกาย ล้างมือกัน
ช้อนกลางนั้น หมั่นใช้ จึงไปดี

นอกจากนี้ ขอเข้า พุทธรรม
จิตใจนั้น ต้องสะอาด อย่างกายนี้
เพื่อให้เรา อายุนาน อีกหลายปี
และก็มี ความสุข ทุกดินแดน

และแล้วเครื่อง บินหนา ก็พาจาก
ก็พลัดพราก จากแผ่นดิน ที่สุดแสน
ยากจะหา ประสบการณ์ มาทดแทน
ทั้งดินแดน มีแต่สิ่ง ให้ค้นหา

ได้เรียนรู้ มากหลาย ในชีวิต
ที่เท้าติด บนแดนดิน ถิ่นนี้หนา
ได้สัมผัส ชีวิตของ คนนานา
เห็นแล้วน่า ปลื้มใจ ต่อตัวเรา

เป็นสำคัญ การได้ เรียนรู้โลก
ได้สะบัด ปีกโบก เห็นอื่นเขา
เอาชีวิต มองย้อน มองตัวเรา
แก้ความเขลา เป็นเข้าใจ ในรอบกาย

เอเอ็นเอ ทะยาน อย่างหาญกล้า
ส่งสัญญาณ การร่ำลา แผ่นดินใหญ่
จบสิ้นการ เดินทาง ไกลแสนไกล
กลับไปสู่ แผ่นดินไทย โดยสมบูรณ์

ยี่สิบสี่ ปีก่อน เหมือนตอนนี้
เครื่องบินก็ บินรี่ ขึ้นฟ้าสูง
พาเด็กน้อย วัยสามเดือน หน้าสมบูรณ์
ไปจำรูญ เติบใหญ่ ในไทยแดน

วันนี้ก็ ส่งเราจาก ไปแล้วไซร้
จากแผ่นดิน สุดใหญ่ ที่สุดแสน
อาจเรียกว่า เป็แหล่ง เป็นแว่นแคว้น
ที่รวมแกน ความรู้ นานาการ

รวมแหล่งทรัพย์ พยากร ให้ศึกษา
แหล่งผู้คน นานา มหาศาล
ที่ได้เห็น ก็สุดจิน –ตนาการ
ใครมิผ่าน ย่อมมิรู้ เป็นเช่นไร

หวังนิราศ อยู่ยง คงไว้หนา
ให้อยู่ไป นานกว่า โลกสลาย
เพื่อเป็นเรื่อง เล่าขาน ตลอดไป
ถึงการเหยียบ แดนใหญ่ ในเจ็ดวัน

ฟ้าลับลา พาเรา ลับลาจาก
ก็เห็นภาพ นิวยอร์ค เมืองใหญ่นั้น
กลับกลายเห็น จุดลางหาย ไปกลับควัน
เป็นการสิ้น นิราศนั้น บริบูรณ์


วิญญ์ เลิศไพรวัน
4-13 มิถุนายน 2552

Winn On Youtube

Pedestrain On TV (บังเอิญมาก)