ตาชะเงย กระพริบมอง ทั้งสองข้าง
อันชีวิต มันร้าง จากความหลัง
ที่เคยคู่ เคยเคียง ที่เคยยัง
วันนี้พัง ทั้งชีวิต อย่างเยือกเย็น
วันคืนเคย มีเธอ อยู่เคียงข้าง
วันนี้ห่าง เธอเปลี่ยนไป ไม่แลเห็น
เคยจับมือ จูงกันไป ทั้งเช้าเย็น
วันนี้เป็น เช่นคน ไม่เคยคบ
นํ้าตาคลอ นองหน้า ขาสั่นไหว
ลมก็กวัด แกว่งไกว ไม่สงบ
แสงตะวัน สอดทอ ตกกระทบ
เห็นด้านลบ แห่งเงาดำ ที่ตรงพื้น
มันคือร่าง หญิงสาว ที่อ่อนไหว
ผมสะเยย แกว่งไป ลิ่วลมลื่น
ขาสั่นไหว เหมือนหมดแรง จะหยัดยืน
ตัวที่ฝืน ก็นั่งลง บนขอบระเบียง
มองข้างหน้า ตึกระฟ้า เต็มไปหมด
มองข้างล่าง เห็นฝูงรถ แต่ไร้เสียง
พื้นคอนกรีต ปกคลุมเต็ม เป็นทางเรียง
ไร้สำเนียง แห่งผู้คน ณ ตรงนี้
หูเหมือนดับ สดับใด ไม่ได้ยิน
จิตก็นิ่ง ไร้ความคิด ในนาที
ขาที่สั่น ยังนั่งแกว่ง สั่นริกรี่
ตาจ้องที่ พื้นดิน ที่ตรงหน้า
หากเกิดใหม่ ขอให้ จงได้พบ
ความสงบ กับที่รัก ภายภาคหน้า
มือกำหมัด กลั้นใจ และหลับตา
ปล่อยกายา ให้พสุธา ท่านอาวรณ์
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เกิดเรื่องราวเรื่องหนึ่งขึ้นในสังคมของเราครับ
หญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีตนิสิตของสถาบันมีชื่อ ผู้ซึ่ง ณ ขณะนั้นเป็นอาจารย์ของสถาบันมีชื่ออีกแห่งหนึ่ง
ตัดสินใจทิ้งตัวเองลงมาจากอาคารระฟ้ากลางเมือง เหตุเพราะรักที่ล้มเหลวของเธอ
สำหรับเหตุการณ์นี้ คำๆหนึ่งที่ได้ยินบ่อยครั้งในสังคมไทย
พวกเรา "เสียดาย"
เสียดายคนเก่งๆคนหนึ่งของสังคม
เสียดายพลอย ที่พลัดตกไปจากขอบฟ้า
ถ้าหากเธอไตร่ตรองให้ดีๆ นึกถึงพ่อของเธอที่รักเธอมาก
เธอก็คงจะยังมีชีวิตต่อไป ชีวิตที่มีความสุข
และพลอยเม็ดนั้นก็ยังคงทวีค่าต่อไป เป็นความรักความภูมิใจของทุกคน เป็นคุณค่าที่งดงามของสังคมไทย