ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง สวมรองเท้าแตะซอมซ่อ ขึ้นรถเมล์
รองเท้าแตะข้างหนึ่งหลุดลงไปจากรถคันนั้น
ชายผู้นั้นมองคล้อยกลับไป รถวิ่งห่างรองเท้าข้างที่หล่นไป ห่างออกไปเรื่อยๆ
หากท่านเป็นชายผู้นั้นท่านจะทำอย่างไร
ลงจากรถไปเก็บมันกลับมา?
ปล่อยมันไป แล้วหาซื้อรองเท้าคู่ใหม่?
หรือด่าคนขับรถเมล์ว่าขับรถกระชากทำให้ต้องสูญเสียรองเท้าสุดหวงไป แล้วให้เขาชดใช้ค่ารองเท้า หรือไม่ก็ให้นั่งรถเมล์ฟรี?
หลากหลายความคิด หลากหลายทัศนะ นี่แหละมนุษย์
ชายผู้นั้นเห็นว่ารถวิ่งห่างออกมาแล้ว สีหน้ากังวลเล็กน้อย
พลัน เขาก็ถอดรองเท้าแตะอีกข้างที่สวมอยู่
เขาโยนมันลงไปริมถนน
เขาโยนมันลงไปด้วยความคิดในใจเพียงอย่างเดียว
เพื่อหวังว่าหากคนที่เก็บรองเท้าข้างแรกที่ตกไปได้
จะได้มีรองเท้าอีกข้างไว้ใช้ด้วย
รองเท้าข้างเดียวย่อมไม่ให้ประโยชน์อะไรกับผู้ที่เก็บมันได้ เช่นเดียวกับผู้ที่เหลือมันอยู่เพียงข้างเดียว
ไม่กี่ปีให้หลังชายผู้นี้พาอินเดียสู่อิสรภาพจากการครอบงำของอังกฤษ
เขาคือ “มหาตมะ คานธี”
วันโลกหมุน หลุนเหลียน วันเวียนผ่าน
เหล่าหมู่มาร ความโลภ เข้าโหมหา
โอ้คนจน ถูกกดขี่ เยี่ยงผักปลา
มือที่ล้า ตาที่โรย ระโหยหิว
อารยะธรรม พวกมะกัน ครอบงำโลก
ยังความทุกข์ ความเศร้าโศก ทุกพื้นผิว
โอ้ผ้าขาว บริสุทธิ์กลาย เป็นขี้ริ้ว
เสรีภาพ เบาหวิว ปลิวร่อนหนี
นึกถึงคน ผู้ต่อสู้ พวกกาขาว
สู้เพื่อชาว ศิวิไลซ์ ในถิ่นนี้
เมื่อเสียงปืน โดนสกัด ด้วยความดี
เมื่อ”คานธี” ใช้ดวงใจ ยึดไทคืน
เมื่อดินแดน กว้างใหญ่ ชมพูทวีป
อยู่ในกลีบ แห่งบารมี ของชาติอื่น
วรรณะใด พราหมณ์กษัตริย์ ไม่อาจฝืน
ได้เพียงยืน ใต้เงา ของพวกมัน
หนึ่งชาตรี ท่านผู้มี วรรณะแพทย์
หนึ่งผู้ยืน กลางแดด ที่แผดผัน
ท่ามกลางคน หลบที่ร่ม ยามกลางวัน
ใครบางคน ลุกยืนยัน เพื่อความจริง
ตามถนน หนทาง แอฟริกาใต้
เจ้าของถิ่น ผืนดินไซร้ ต้องแน่นิ่ง
ยอมให้พวก กาขาว นั้นแย่งชิง
ทั้งสิทธิ ความจริง ความชอบธรรม
ชายอินเดีย ผู้นี้ อยู่ที่นั่น
ลุกขึ้นยัน หยัดสู้ ไม่รู้หนี
ด้วยความจริง ในใจ เปี่ยมศักดิ์ศรี
เป็นความจริง นั้นที่ หลายคนลืม
อันมนุษย์ เกิดมา ค่าเ่ท่ากัน
ฤๅจะแบ่ง แยกขาวดำ นั้นได้หรือ
อ้ายตัวมึง มีสองเท้า ใช้สองมือ
อ้ายตัวกู ก็คือ สิ่งเดียวกัน
เขาก่อตั้ง องค์กร ในถิ่นใต้
เป็นทนาย ว่าความ ให้พวกนั้น
ใจเฝ้าคิด ซักครา ในคืนวัน
จะเรียกร้อง ความเป็นธรรม์ ให้หมู่ชน
ณ วันหนึ่ง กลับสู่ถิ่น ฐานดินเกิด
สู่ผู้คน ที่ทุกข์โศก และสับสน
ณ วันนั้น อหิงสา นำมวลชน
เหล่าผู้คน โห่ร้อง ก้องยินดี
คานธีสอน ให้ผู้คน ทั้งผองชาติ
อย่าได้ขลาด อาวุธ ยุทธวิธี
จงเอาชนะ ความกลัว ด้วยความดี
สยบผอง ไพรี ด้วยจิตใจ
กดดันมัน ด้วยหัวใจ ใช่อาวุธ
หากมันฉุด มันตี ก็ยอมได้
ไม่ตอบโต้ ไม่ว่า การใดใด
หนึ่งคนตาย หลายคนลุก บุกกดดัน
และแล้ววัน คืนโทรม ก็พลันหาย
อังกฤษยอม จากไป จากแดนนั้น
คานธีไม่ รับสิ่งใด เป็นรางวัล
เพราะของขวัญ ชิ้นใหญ่ เขาได้แล้ว
ของขวัญคือ อิสรภาพ แห่งผองชน
ของขวัญคือ ลูกหลานตน ตาบ้องแบ้ว
จะเผยยิ้ม กริ่มละไม ตาวับแวว
เพราะต่างแคล้ว ไม่ต้องเป็น ทาสชาติใด
รพินทรนาฏ ฐากูร มอบคำย่อง
“มหาตมะ” ผู้เกียรติ์ก้อง ผู้ยิ่งใหญ่
ผู้มีดวง จิตวิญญาณ เหนือผู้ใด
เหนือจนได้ ความเป็นไท กลับแผ่นดิน
คานธีตาย ด้วยต้องปืน หมดขืนขัด
เสียงสงัด ทั้งอินเดีย และโลกสิ้น
นํ้าตาชน ชาวโลก ระรวยริน
ผู้นำแห่ง วิญญาณสิ้น ท่านวายวาง
ทิ้งไว้เพียง เสรีภาพ แห่งชาตินี้
ทิ้งไว้เพียง คุณความดี น่าเอาอย่าง
ให้หลายชาติ หลายผองชน ได้ทำตาม
นำเสรีภาพ สู่บ้าน ฐานเกิดตน
หวังคนไทย ลูกหลานชาติ อ่านแล้วคิด
ได้อ่านเรื่อง จำแนบจิต อย่าสับสน
ความเป็นไท ของชาติ ของหมู่ชน
รักษาไว้ อย่าให้ป่น ให้มลาย
วัฒนธรรม ของชาติ ถูกรุกราน
อารยธรรม จอมมาร กลับมาใหม่
จักรวรรดิ กาขาว ไม่หมดไป
ครานี้ไซร้ ครอบงำ ความมีกิน
ส่งเสริม คนเอเชีย ให้เป็นทาส
ทำลายชาติ วัฒนธรรม ให้หมดสิ้น
ลูกหลานไทย จงฟัง จงไ้ด้ยิน
ดูแลไทย อย่าให้สิ้น หมดศักดิ์ศรี
ต้องเข้มแข็ง แม้โลกเรา ไร้มหาตมะ
ต้องยืนหยัด กล้าปะทะ สู้ไพรี
ทิ้งหัวใจ ดวงน้อยให้ แผ่นดินนี้
ที่เราเกิด เรามี ที่เรายัง
เหล่าหมู่มาร ความโลภ เข้าโหมหา
โอ้คนจน ถูกกดขี่ เยี่ยงผักปลา
มือที่ล้า ตาที่โรย ระโหยหิว
อารยะธรรม พวกมะกัน ครอบงำโลก
ยังความทุกข์ ความเศร้าโศก ทุกพื้นผิว
โอ้ผ้าขาว บริสุทธิ์กลาย เป็นขี้ริ้ว
เสรีภาพ เบาหวิว ปลิวร่อนหนี
นึกถึงคน ผู้ต่อสู้ พวกกาขาว
สู้เพื่อชาว ศิวิไลซ์ ในถิ่นนี้
เมื่อเสียงปืน โดนสกัด ด้วยความดี
เมื่อ”คานธี” ใช้ดวงใจ ยึดไทคืน
เมื่อดินแดน กว้างใหญ่ ชมพูทวีป
อยู่ในกลีบ แห่งบารมี ของชาติอื่น
วรรณะใด พราหมณ์กษัตริย์ ไม่อาจฝืน
ได้เพียงยืน ใต้เงา ของพวกมัน
หนึ่งชาตรี ท่านผู้มี วรรณะแพทย์
หนึ่งผู้ยืน กลางแดด ที่แผดผัน
ท่ามกลางคน หลบที่ร่ม ยามกลางวัน
ใครบางคน ลุกยืนยัน เพื่อความจริง
ตามถนน หนทาง แอฟริกาใต้
เจ้าของถิ่น ผืนดินไซร้ ต้องแน่นิ่ง
ยอมให้พวก กาขาว นั้นแย่งชิง
ทั้งสิทธิ ความจริง ความชอบธรรม
ชายอินเดีย ผู้นี้ อยู่ที่นั่น
ลุกขึ้นยัน หยัดสู้ ไม่รู้หนี
ด้วยความจริง ในใจ เปี่ยมศักดิ์ศรี
เป็นความจริง นั้นที่ หลายคนลืม
อันมนุษย์ เกิดมา ค่าเ่ท่ากัน
ฤๅจะแบ่ง แยกขาวดำ นั้นได้หรือ
อ้ายตัวมึง มีสองเท้า ใช้สองมือ
อ้ายตัวกู ก็คือ สิ่งเดียวกัน
เขาก่อตั้ง องค์กร ในถิ่นใต้
เป็นทนาย ว่าความ ให้พวกนั้น
ใจเฝ้าคิด ซักครา ในคืนวัน
จะเรียกร้อง ความเป็นธรรม์ ให้หมู่ชน
ณ วันหนึ่ง กลับสู่ถิ่น ฐานดินเกิด
สู่ผู้คน ที่ทุกข์โศก และสับสน
ณ วันนั้น อหิงสา นำมวลชน
เหล่าผู้คน โห่ร้อง ก้องยินดี
คานธีสอน ให้ผู้คน ทั้งผองชาติ
อย่าได้ขลาด อาวุธ ยุทธวิธี
จงเอาชนะ ความกลัว ด้วยความดี
สยบผอง ไพรี ด้วยจิตใจ
กดดันมัน ด้วยหัวใจ ใช่อาวุธ
หากมันฉุด มันตี ก็ยอมได้
ไม่ตอบโต้ ไม่ว่า การใดใด
หนึ่งคนตาย หลายคนลุก บุกกดดัน
และแล้ววัน คืนโทรม ก็พลันหาย
อังกฤษยอม จากไป จากแดนนั้น
คานธีไม่ รับสิ่งใด เป็นรางวัล
เพราะของขวัญ ชิ้นใหญ่ เขาได้แล้ว
ของขวัญคือ อิสรภาพ แห่งผองชน
ของขวัญคือ ลูกหลานตน ตาบ้องแบ้ว
จะเผยยิ้ม กริ่มละไม ตาวับแวว
เพราะต่างแคล้ว ไม่ต้องเป็น ทาสชาติใด
รพินทรนาฏ ฐากูร มอบคำย่อง
“มหาตมะ” ผู้เกียรติ์ก้อง ผู้ยิ่งใหญ่
ผู้มีดวง จิตวิญญาณ เหนือผู้ใด
เหนือจนได้ ความเป็นไท กลับแผ่นดิน
คานธีตาย ด้วยต้องปืน หมดขืนขัด
เสียงสงัด ทั้งอินเดีย และโลกสิ้น
นํ้าตาชน ชาวโลก ระรวยริน
ผู้นำแห่ง วิญญาณสิ้น ท่านวายวาง
ทิ้งไว้เพียง เสรีภาพ แห่งชาตินี้
ทิ้งไว้เพียง คุณความดี น่าเอาอย่าง
ให้หลายชาติ หลายผองชน ได้ทำตาม
นำเสรีภาพ สู่บ้าน ฐานเกิดตน
หวังคนไทย ลูกหลานชาติ อ่านแล้วคิด
ได้อ่านเรื่อง จำแนบจิต อย่าสับสน
ความเป็นไท ของชาติ ของหมู่ชน
รักษาไว้ อย่าให้ป่น ให้มลาย
วัฒนธรรม ของชาติ ถูกรุกราน
อารยธรรม จอมมาร กลับมาใหม่
จักรวรรดิ กาขาว ไม่หมดไป
ครานี้ไซร้ ครอบงำ ความมีกิน
ส่งเสริม คนเอเชีย ให้เป็นทาส
ทำลายชาติ วัฒนธรรม ให้หมดสิ้น
ลูกหลานไทย จงฟัง จงไ้ด้ยิน
ดูแลไทย อย่าให้สิ้น หมดศักดิ์ศรี
ต้องเข้มแข็ง แม้โลกเรา ไร้มหาตมะ
ต้องยืนหยัด กล้าปะทะ สู้ไพรี
ทิ้งหัวใจ ดวงน้อยให้ แผ่นดินนี้
ที่เราเกิด เรามี ที่เรายัง