วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2552
สู้ทางความคิด
มวลชนประหักค้าน............ความคิด
หมายเหตุผลพิชิต.............ต่อต้าน
หาใช่ว่าเอาชีวิต................คิดฆ่า กันนา
ทำเช่นดั่งนี้ร้าง..................หลักแท้ ความดี
ข้าพเจ้านั้นบ่ต้าน.............สนธิ
และบ่หนุนดำริ.................มากไซร้
เพียงยืนดั่งชมติ...............กับการ กระทำ
เพียงแต่ใฝ่ฝันไว้.............ชาติให้ สามัคคี
ปืนกระสุนลั่นปั้ง...............ร้อยครา
หมายเล่นดับชีวา.............จบไซร้
เป็นโจรชั่วไร้ธรรมา.........เป็นชาติ ทรชน
มันจึ่งยึดถือใช้................ฆ่าล้าง วิธี
ขอสมานความสุขโอ้...........โลกันต์
จงปกป้องชีวิตกัน.............ทั่วหน้า
จะเหลืองแล่ะแดงนั้น...........มิใคร่ ความตาย
เพียงช่วยรักษาอ้า.............อย่าได้ สิ้นบุญ
และขอพรคณะเจ้า............เทวัณ
ให้คุณสนธินั้น...................รอดด้วย
ให้ไทยรู้ค่ากัน..................ไม่หัก ประหาร
ให้ชาติไม่มอดม้วย............อย่าได้ เสียใคร
นิติรัฐ นิติธรรม .....
ปรัชญาการบ่งชี้..............ปกครอง
หลักกฏไม่มีสอง..............แยกได้
เป็นกฏไม่เป็นรอง.............ความเชื่อ ใดนา
นี้ดั่งได้กล่าวไว้...............จึ่งพ้อง นิติรัฐ
หากมิได้ยึดไว้..................สัตย์เช่น
ฤๅจักเห็นว่าเป็น...............งดได้
อธรรมจักส่งเหม็น.............กลิ่นโฉ่
ชาติเช่นว่านี้ไซร้..............จักไร้ ร่มเย็น
ขอวอนร้องท่านผู้...............-นำนา
จงยึดหลักธรรมมา..............แน่นไว้
ป้องไว้ซึ่งสิทธิหน้า.............-ที่มั่น นักแล
เพื่อชาตินั้นเดินได้..............อย่างไซร้ สงบควร
บังคับออกกฏใช้..................คือกัน
แหละนี่จะน้อมนำ...............ชาติให้
ปรองดองแล่ะสุขสันต์........เย็นร่ม ทั่วแดน
ต่อคู่แค้นรักไซร้..................จึ่งไร้ ราคี
หลังจากที่ได้แต่งโคลงนี้ไป ผมได้เอาไปให้รุ่นพี่นักเลงกลอน (พี่หนุ่ม) ที่เคารพดู
และพี่เค้าได้ปรับแก้ให้ ไพเราะมากครับ ดังนี้
ปรัชญาแบบบ่งชี้..............ปกครอง
เกณฑ์กฏมิมีสอง...............ทราบได้
เป็นกฏไป่เป็นรอง.............ฤาเชื่อ ใดดี
กำหนดกฏเกณฑ์ไว้...........ว่าพ้อง นิติรัฐ
หากรัฐร่ายปากไร้................ศีลสัตย์
เกิดประหารประหัตถ์.........ฮึกสู้
อธรรมก็อุบัติ.....................บาปเบ่ง
ชาติชั่วชนก็รู้.....................จึ่งไร้ ร่มเย็น
เป็นประนมหัตถ์คู้...............คืบคลาน
ยึดหลักธรรมภิบาล.............แบบไว้
ป้องสิทธิเสถียรปาน...........ประหนึ่ง หลักแล
ชาติจักธำรงได้..................สุขไซร้สถาพร
ก่อนออกกฏช่วยใช้................พินิจ
ตรองตรึกทั้งถูกผิด.................พบถ้วน
กฏหมายจึ่งศักดิ์สิทธิ์..............สถิตดั่ง...ตราชู
ทุกอย่างตีตามล้วน.................เจตน์น้อมจำนงค์
วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2552
รัฐวิถี บนความขัดแย้ง
แผ่นดินไทยลุกร้อน...........เหลือทน นักแล
ฤๅจักหาทางแห่งหน.................ออกได้
กลายเป็นรัฐทรชน...........ไฟมอด เห็นชัด
สามัคคีหามีไซร้.............ทั่วหล้า ดูแคลน
เหล่าปราชญ์ผู้เปี่ยมรู้..............ชาวนา
เหล่ากรรมกรก็มา..................กู่ก้อง
เหล่าวาณิชนำประชา...............รุกล่อ
นักศึกษาประกาศร้อง........ด่าท้อ การเมือง
เหมือนบ้านแปรขื่อไร้.............ค้ำยัน
สีเลือดก็ไหลพลัน...............สุดต้าน
ต่างคนคิดอื่นนั้น..........เป็นศัต-ตรูเอย
ต่างคิดจะฆ่าล้าง........เชือดเกลื้อ กลบดิน
แผ่นดิน ถิ่นสยาม ในยามนี้
ปัฐพี เศร้าสร้อย และหมองหม่น
อันที่พึ่ง หายาก ลำบากล้น
อันที่พึ่ง หายาก ลำบากล้น
อันผู้คน แตกระสาน เป็นซ่านเซ็น
เศรษฐกิจ ตกต่ำ เป็นประวัติ
เศรษฐกิจ ตกต่ำ เป็นประวัติ
เห็นได้ชัด การค้า ลำบากเข็ญ
สังคมก็ หม่อนหมอง สุดจะเป็น
สังคมก็ หม่อนหมอง สุดจะเป็น
มิเล็งเห็น ที่ซึ่ง จะพึ่งพาน
เหมือนระกำ ซ้ำเคราะห์ กระเทาะเข้า
เหมือนระกำ ซ้ำเคราะห์ กระเทาะเข้า
เมื่อพวกเรา แตกสามัคคี มหาศาล
เมื่อคิดต่าง ใช้กำลัง ประหักหาร
เมื่อคิดต่าง ใช้กำลัง ประหักหาร
เหมือนว่าบ้าน ไร้ขื่อแปร ให้ดำรง
ต่างหยิบยก ชอบธรรม แต่ละฝ่าย
ต่างหยิบยก ชอบธรรม แต่ละฝ่าย
ล้มทำลาย อีกข้าง ให้ปลดปลง
ฤๅประเทศ ไร้ทางออก ไร้ทางคง
ฤๅประเทศ ไร้ทางออก ไร้ทางคง
ฤๅชาติไทย เป็นไพรพง ให้ทำลาย
ประเทศชาติ กลายเป็น ถิ่นแดงเหลือง
ประเทศชาติ กลายเป็น ถิ่นแดงเหลือง
กลายเป็นเรื่อง หน้าเศร้า และเลวร้าย
ในอดีต เคยแบ่ง เป็นขวาซ้าย
ในอดีต เคยแบ่ง เป็นขวาซ้าย
ผ่านมาหลาย นานปี ไม่ต่างกัน
เปลี่ยนให้เหลือง หมดประเทศ รึแก้ได้
เปลี่ยนให้เหลือง หมดประเทศ รึแก้ได้
เปลี่ยนให้กลาย เป็นแดง รึสุขสันต์
แบ่งเป็นครึ่ง ชนกัน พัลวัน
แบ่งเป็นครึ่ง ชนกัน พัลวัน
มิเห็นซึ่ง วันนั้น จะปรองดอง
อยู่สุดขั้ว ใช่หนทาง ในการแก้
อยู่สุดขั้ว ใช่หนทาง ในการแก้
แสดงออก ให้เต็มแย่ ก็หม่นหมอง
เมื่อเปลี่ยนผลัด รัฐนาวา ตีตราจอง
เมื่อเปลี่ยนผลัด รัฐนาวา ตีตราจอง
ลงกฐิน มาสนอง ก่อชุมนุม
เป้าประสงค์ ผู้คน ก็รักชาติ
เป้าประสงค์ ผู้คน ก็รักชาติ
เพียงเราขาด สามัคคี ระหว่างกลุ่ม
เพียงเราห่าง จุดร่วม ที่เครือคลุม
เพียงเราห่าง จุดร่วม ที่เครือคลุม
จึงทะเลาะ จึงสุม ความเคืองใจ
เพราะเราต่าง รับฟัง สื่อข้างเรา
เพราะเราต่าง รับฟัง สื่อข้างเรา
มีความจริง ที่ปลุกเร้า ใจเราได้
บางข่าวก็ ต่างสื่อ ลือกันไป
บางข่าวก็ ต่างสื่อ ลือกันไป
บางข่าวไซร้ เรื่องเดียว คิดสองมุม
ถึงเวลา เปิดใจ กันให้กว้าง
ถึงเวลา เปิดใจ กันให้กว้าง
รับฟังทาง ทุกด้าน ของทุกกลุ่ม
ใช้ตรรกะ เป็นทางคิด ทุกแง่มุม
ใช้ตรรกะ เป็นทางคิด ทุกแง่มุม
หามิติ ที่เห็น เป็นความจริง
และรู้รัก สามัคคี เป็นที่ตั้ง
และรู้รัก สามัคคี เป็นที่ตั้ง
อาวรณ์กัน เข้าใจ ในทุกสิ่ง
เพราะเราคือ พี่น้อง กันจริงจริง
เพราะเราคือ พี่น้อง กันจริงจริง
ต้องประคอง บ้านให้นิ่ง จึงสงบ
ยึดถือหลัก กฏหมาย เป็นธงนำ
ยึดถือหลัก กฏหมาย เป็นธงนำ
ไม่กระทำ ฝ่าฝืน หรือเลี่ยงหลบ
หากทำผิด ยอมรับโทษ ไม่สู้รบ
หากทำผิด ยอมรับโทษ ไม่สู้รบ
ต้องเคารพ กติกา ไม่ฝ่าฝืน
และผู้นำ ประเทศ คราไหนไหน
และผู้นำ ประเทศ คราไหนไหน
จะต้องใช้ ยุติธรรม เป็นตัวยืน
อย่าได้ใช้ สองมาตรวัด ผ้าหนึ่งผืน
อย่าได้ใช้ สองมาตรวัด ผ้าหนึ่งผืน
ประเทศชาติ จะพังครืน ในชั่วยาม
สุดท้ายคือ ย้อนคิด ชีวิตนี้
สุดท้ายคือ ย้อนคิด ชีวิตนี้
เหยียบอยู่บน ธรณี ดินสยาม
ไม่กี่ปี ชีวี ก็วายวาง
ไม่กี่ปี ชีวี ก็วายวาง
หมั่นเพียรสร้าง รักษาไทย ให้ลูกชม
หากเข่นฆ่า ทำลาย ปัฐพี
หากเข่นฆ่า ทำลาย ปัฐพี
เผาบ้านนี้ เมืองนี้ อย่างสาสม
หากทะเลาะ กร่นด่า ปาอาจม
หากทะเลาะ กร่นด่า ปาอาจม
รึสาปส่ง อีกฝ่าย ไม่ปราณี
แสวงหา เข่นฆ่า ทรราชย์
แสวงหา เข่นฆ่า ทรราชย์
โดยล้างชาติ ล้างแผ่นดิน จนป่นปี้
ปฏิวัติ ล้างบาง สิ่งดีดี
ปฏิวัติ ล้างบาง สิ่งดีดี
เพื่อไล่จับ ทรพี ไม่กี่นาย
ประเทศไทย เหลืออะไร ให้อยู่ยง
ประเทศไทย เหลืออะไร ให้อยู่ยง
คนยังคง ยึดศรัทธา เป็นอาศัย
ร่วมสร้างบ้าน แปลงเมือง ก่อนเราตาย
ร่วมสร้างบ้าน แปลงเมือง ก่อนเราตาย
เป็นที่พัก ลูกหลานไทย นานเท่านาน
แผ่นดินจึงหมดร้อน..............อยู่มั่น
พ้นพิษที่โหมหัน.................เข่นข้า
เหล่าน้องพี่อยู่กัน..........สามัค – คีแฮ
ประเทศสงบสุขอ้า............ไป่สู้ รบตี
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)