วันพุธที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

จิตร ภูมิศักดิ์ (กวี ผู้เป็นทางสว่างแห่งเสรีชน)


เพียงเสียงเปรี้ยง ปลายปืน หมดขืนขัด
ร่างหนึ่งพลัด ล้มลง ที่ตรงนี้
เลือดแดงนอง รองพื้นป่า มหาคีรี
ลมยะเยือก พัดทั่วที่ ทั้งพงไพร

เพียงปืนแปลบ ที่สำแดง แห่งอำนาจ
ความสงบ ก็พลันขาด พลันหาไม่
มหากวี มหาบุรุษ แห่งเมืองไทย
ต้องมาตาย กลายจากไป ไร้วิญญาณ

เพียงปืนปัง ดังลั่น สั่นวิเวก
ก็เหมือนมนต์ ที่แช่งเสก ทั้งลูกหลาน
เมื่อคนตาย คือคนดี มีปณิธาน
เมื่อคนเป็น คือเผด็จการ ครอบงำไทย

ร่างนั้นนอน แน่นิ่ง เป็นสิ่งซาก
วิญญาณจาก ล้างลา พ้นร่างไป
ทิ้งไว้เพียง คุณค่า แห่งคนไท
ประกาศไว้ เพียงคุณค่า แห่งตำนาน

ว่าโลกนี้ ไร้ซึ่ง”จิตร ภูมิศักดิ์”
ผู้พิทักษ์ ความชอบธรรม บ่สืบสาน
ประกาศแห่ง นํ้าตา นองตำนาน
ให้ลูกหลาน หวนระลึก ถึงคนดี

ตำนานคน ล้นเปี่ยม ปณิธาน
ที่สืบสาน ก่อค่า มหาศรี
บ่งเรื่องราว เป็นเรื่องคิด ของคนดี
ให้เป็นที่ รับรู้ โดยทั่วกัน

จิตรกำเนิด เกิดที่ ปราจีนบุรี
แล้วเรียนที่ อักษรจุฬาฯ คณะนั้น
บ่มเพาะความ อัจฉริยะ ในคืนวัน
ณ ที่นั้น ได้เพื่อนฝูง อาจารย์ดี

เขียนหนังสือ สื่อความจริง ของประเทศ
สำแดงเดช แห่งอัจฉริยะ แห่งกวี
อุดมการณ์ แห่งความรัก ความภักดี
ก็เกิดขึ้น ณ ตรงนี้ ในจิตใจ

กาลวันผ่าน เรียนจบ จิตรเป็นครู
และเรียนรู้ ถึงคุณค่า อันยิ่งใหญ่
ปณิธาน แข็งแกร่ง แห่งดวงใจ
ผ่านออกไป ทางหนังสือ สื่อกวี

พลันต่อมา โดนกล่าวหา ว่าเป็นซ้าย
ตัวถูกย้าย เข้าเรือนจำ ถึงสามที่
ลูกกรงเหล็ก อาจขังร่าง ของคนดี
แต่บ่อาจ ขังจิตที่ เปี่ยมพลัง

จิตรใช้คุก เขียนตำรา ค่าควรอ่าน
ทั้งแปลความ อันยิ่งใหญ่ สุดแสนขลัง
เรื่อง “แม่” ของกอร์กี้ อันโด่งดัง
และอีกทั้ง “โคทาน” จากอินเดีย

แล้วได้เีขียน มหาตำรา วิชาการ
ที่ได้สาน อ่านกันต่อ ไม่สูญเสีย
ตัวจองจำ ใช่จิตใจ จะจำเพลีย
ปณิธาน ใช่ลายเลี่ย แต่ทระนง

กว่าหกปี ต้องกุมขัง ผนังคุก
แต่มีจิต เพื่อถิ่นทุก ทั่วแดนดง
ว่าจะล้าง เผด็จการ ให้ปลดปลง
ว่าจะสร้าง สังคม ความเท่าเทียม

สองพันห้า ร้อยแปด เ้ข้าอีสาน
เพื่อร่วมงาน พอคอทอ ใจเต็มเปี่ยม
หมั่นศึกษา ทั้งแนวคิด แนวเล่ห์เหลี่ยม
เพื่อสร้างความ ทัดเทียม ให้มวลชน

พลันปรากฏ โดนคนล้อม ณ กลางป่า
ถิ่นหนองกุ่ง ทุ่งภูผา ทิวป่าสน
เสียงปืนเปรี้ยง ดังลั่น ทั้งมณฑล
สิ้นแล้วคน ผู้ยิ่งใหญ่ ในไทยแดน

ลมชะเย็น เป็นพยาน แห่งความยาก
ว่าไทยชาติ นั้นอยู่ ยุคขาดแคลน
หนึ่งคนธรรม สิ้นใจ ไร้คนแทน
เผด็จการ ผู้เคืองแค้น ครองแผ่นดิน

สิ้นแล้วหนา มาแล้วสี่ ทศวรรษ
คนไทยยัง โทมนัส นํ้าตาริน
ประเทศไทย ยังไม่พ้น จากยุคหิน
คนอธรรม์ ยังอยู่กิน กัดบ้านเมือง

ขอวิญญาณ อุดมการณ์ แห่งปรัชญา
ผ่านมาสู่ มหานภา จรัสเรือง
เป็นทางแสง ส่องสว่าง ให้ไทยเมือง
ให้ปลดเปลื้อง จากทุกขกรรม ทำลายเรา

ให้คุณจิตร เป็นนิมิต แห่งฟากฟ้า
เป็นทางแห่ง ดวงตา คนขลาดเขลา
บทเรียนท่าน สอนปณิธาน ต่อพงเผ่า
สานทางเรา ต่อสู้ เพื่อแดนไทย

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

เนื่องว่าวาตะมรณา (The Killing Typhoon)


ยินเสียง เพรียงร้อง ก้องฟ้า
สกุณา โผผิน บินไสว
มัจฉา แหวกว่าย รายไป

หาดทราย สวยงาม ลานตา

ผู้คน ปะปน เดินเที่ยว
เดินคล่อง โฉบเฉี่ยว ธารา
ละเลี่ย เลียนํ้า เย็นตา
ระรื่น ชื่นหน้า เย็นใจ

ประมง คงสาน งานต่อ
ผูกเรือ ขึงถ่อ แน่นไว้
เสร็จสิ้น ภาระ ใดใด
กลับไป ใจหา บ้านตน

ชาวบ้าน ในเมือง ในฝั่ง
กำลัง ทำงาน วกวน
หาเลี้ยง เพียงลูก เมียตน
ดิ้นรน ทนไป ใจเพลีย

พลันแล้ว พายุ ลูกใหญ่
ฮึกเหิม ห่าใส่ ฝั่งเสีย
พิฆาต พรากผัว ลูกเมีย
พี่น้อง ต้องเสีย จากกัน

กว่าแสน แคลนขาด คลาดชีวิต
ไม่คิด ลมซัด ผลัดผัน
ท้องนํ้า นาวา โรมรัน
สูเจ้า ขาดกัน สิ้นใจ

ซัดสาด ปาดฝั่ง อิรวดี
ย่างกุ้ง ธานี ร้าวร้าย
หงสา เมืองเก่า วอดวาย
คนตาย นองภพ แผ่นดิน

บ้านล้าน หลังคา อาสัญ
พายุ โหมหัน หมดสิ้น
สถาปัตย์ ซัดหาย เหลือดิน
ไม้หญ้า พาสิ้น กลิ่นไอ

เสียงเด็ก คิกคัก วักแว่ว
วิ่งว่อง คล่องแคล่ว เล่นไล่
สำเนียง เพียงล้าง ลางไป
เหมือนชะ มลาย กับลม

สุดสลด อดอา ลารัก
ที่ผอง เพื่อนพรรค กลืนกลม
วันนี้ พลีชีพ กับลม
วันนี้ ใจล้น ออกกาย

เหมือนชาติ ถูกสาป เอาไว้
ให้ใจ ต้องหมด สลดสลาย
ให้ลม ดมเลือด เชือดตาย
กลิ่นไอ ศพคลุ้ง ธานี

เพิ่งจบ จากทหาร เข่นพระ
วันนี้ คลื่นซะ ป่นปี้
นํ้าตา หน้านอง หมองศรี
วารี พิโรธ โกรธา

อาเพศ พิบัติ ซัดร้าย
เปลี่ยนชาติ ให้ตาย มรณา
สิ้นแล้ว ระหรือ บุญญา
ที่อุ้ม มณฑา อาณาจักร

จำลา อาลัย ใจสะื่อื้น
เป็นคลื่น แห่งใจ แห่งรัก
ส่งจาก พลโลก มาัพัก
พำนัก ที่ใจ เมืองมอญ

ขอจง อย่าได้ ท้อแท้
ชีวิต ร่อแร่ ทุกข์ร้อน
เป็นเพียง ธรรมา อาวรณ์
อนิจจัง ดังกลอน ไทยนี้

ว่าอัน พฤกษภ กาสร
ที่ต้อง ม้วยมร หมองศรี
งาเขา เหมือนดั่ง ความดี
สถิิต ตรงที่ เคยยัง

หมั่นผดุง ปรุงชาติ ศาสนา
ให้ความ เมตตา กรุณัง
ระลึก ไตรลักษณ์ อนิจจัง
สงบ ตามคำ พุทธองค์

สิ้นแสง สุริยัน วันนี้
อาทิตย์ ริบหรี่ ดับลง
สัญญาณ แห่งชีพ ปลดปลง
ให้คง อาลัย อาวรณ์

ละแล้ว สุริยัน วันใหม่
อาิทิตย์ สดใส สะท้อน
สัญญาณ ว่าเจ้า เมืองมอญ
หมดร้อน มีแต่ เย็นใจ

พลันเสียง เพรียงร้อง ก้องฟ้า
สกุณา โผผิน บินไสว
มัจฉา แหวกว่าย รายไป
หาดทราย สวยงาม ลานตา

Winn On Youtube

Pedestrain On TV (บังเอิญมาก)