วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2550

นิทานกระจอกน้อย (The Bird's Tale)

update อีกแล้วครับ...คราวนี้เป็นกลอนที่บอกเล่าเรื่องราวอันสู้ทนของนกกระจอกน้อยครับ เรื่องราวที่น่าปวดร้าว แต่กลับแฝงไปด้วยพลังแห่งความรักอันยิ่งใหญ่....ใน "นิทานกระจอกน้อย" (The Bird's Tale)

P.S. เรื่องนี้เป็นกลอนแนวทดลองนะครับ คือตอนแรกอ่านตรงตัวอักษรสีเขียวกับสีดำ แล้วอาจจะยัง งงๆ ไม่อินกลับกลอน กลอนจะคลายความหมายตอนอ่านสีนําเงิน เป็นลักษณะการตัดช่วงเวลา เอาตอนท้ายมาวางก่อนตอนแรก ถ้าจะให้ซาบซึ้งพออ่านจบแล้ว ขอให้กลับไปอ่านตอนต้นใหม่ครับ :D

กระจอกน้อยโผผินเจ้าบินอยู่
มิบ่งรู้ว่าทำฉันใดหนอ
ปีกสะบัดผลัดกระพือมิรั้งรอ
กระดกคอตั้งมั่นทำอะไร


ฝ่าลมฝนฟ้าพิโรธที่โบกเข้า
ไม่ทำเจ้าท้อแท้สุดไฉน
อะไรฝังให้เจ้าแกร่งทั้งดวงใจ
ปีกก็กล้าบินสู้ไปในท้องฟ้า

โฉบปีกบินผินหาพฤกษาใหญ่
เมื่อพบเจอก็เข้าไปตรงกิ่งหนา
ผิวมันลื่นก็ฝืนเกาะกดบาทา
ตัวก็ล้าแต่ยังสู้จะหยัดยืน

ปากจิกปากตีนก้าวไปบนกิ่ง
ก้าวถึงขอบตัวก็นิ่งสุดจะฝืน
เล็บตีนจิกกัดลึกเพื่อตัวยืน
สุดกลํ้ากลืนนกน้อยช่างเหนื่อยล้า

คอชะเงยเห็นหนอนน้อยก็จกกัด
จะงอยปากกดรัดเจ้าหนอนหนา
ท้องก็สั่นหิวโซปวดอุรา
แต่เจ้ากลับไม่กล้ากินในที

กระจอกน้อยคาบหนอนไว้ตรงปาก
ปีกบินจากต้นไม้ใหญ่อย่างเร็วรี่
ตาแข็งตึงถลึงหาทางโน้นนี้
ปีกบินถี่เพื่อจะกลับคืนถิ่นฐาน

นกน้อยฝ่าลมพญามัจจุราช
ฟ้าพิฆาตนกน้อยใหญ่หลายสถาน
ปีกเริ่มช้ากลางนภายมบาล
เนื้อหนังกร้านเริ่มล้าจะหมดแรง

พลันตาเจ้ากลับนิ่งและแข็งทื่อ
ยากจะรู้พลังใดที่ใส่แฝง
เหมือนกับมีพลังเร้นเค้นสำแดง
ปีกสะบัดสู้แข่งกับนภา

ถึงต้นไม้เหี่ยวระแหนอยู่ต้นหนึ่ง
เจ้าก็บึ่งรี่ไปตรงกิ่งสา
เป็นรังน้อยที่เจ้าสร้างนานเวลา
ปากคาบหนอนอย่างผู้กล้าบินตรงไป

ณ ที่นั้นเป็นรังกระจอกน้อย
ปีกละห้อยตีนเกาะร้านบ้านเจ้าไซร้
พลันดวงตาเจ้าก็มองคล้อยลงไป
ก็เห็นได้ซึ่งลูกนกอยู่ในบ้าน

เสียงเจื้อยแจ้วลูกน้อยทั้งสามตัว
ร้องระรัวบ่งว่าหิวหาอาหาร
เจ้าก็ทิ้งหนอนน้อยให้ลูกทาน
ลูกสำราญเจ้าก็ยิ้มกริ่มยินดี

(เป็นเรื่องราวของชีวิตนกตัวน้อย
แต่เดิมคอยดูแลเลี้ยงลูกนี้
ผลัดเพียงวันต้นผลัดใบไร้อารีย์
จากเดิมที่เขียวขจีก็พลันหาย

ต้นมันแล้งยากจะหาอาหาร
ลูกก็ร่างเล็กน้อยยากเคลื่อนย้าย
แต่เด็กเอ๋ยหิวอาหารชีพจะวาย
ลมฟ้าก็โหมไซร้ไร้ใยดี

โอ้ว่านกตัวแม่หาทางออก
มองเมฆหมอกฟ้าฝนที่พ่นใส่
หากออกไปชีวิตอาจวอดวาย
แต่พอมองกลับไปในรังเจ้า

ก็เห็นลูกร้องโอยโหยอาหาร
จะสถานใดเล่าเจ้าจะขลาด
ตาเขม็งจิตคะนองอย่างองอาจ
รักษาชาติลูกน้อยให้อยู่คง

ปีกกระพือส่งเจ้าไปสู้ฟ้า
กระบังหน้าต้องสู้กับสายลม
แต่จิตใจยืนหยัดไม่ปลดปลง
สุดชื่นชมคุณค่ารักแห่งมารดา)



1 ความคิดเห็น:

ducki กล่าวว่า...

อ่านแล้วก้อไม่งงนะ แล้วก้อไม่รู้สึกปวดร้าวอ่ะ แต่รู้สึกถึงการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่เพื่อลูกที่รักอ่ะ กลอนดีนะ ชอบๆ ไปเห็นรังนกที่ไหนเป็นแรงบันดาลใจหรอ

Winn On Youtube

Pedestrain On TV (บังเอิญมาก)