เพดานห้องสีเทาอ่อนๆซึ่งถ้าดูก็จะรู้ว่าเคยเป็นสีขาวเมื่อนานมาแล้ว ห้องเล็กๆโทรมๆบนพื้นมีขวดเหล้าเปล่าอยู่ 3 ขวด ม่านขาดๆริมหน้าต่างปล่อยให้แสงสุริยารอดผ่านเข้ามาให้ห้องเขาลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันนี้ เสียงนกร้องกับแสงตะวันต้องประสาทสัมผัสของเขา ธรรมชาติตอนเช้าที่กวีมากมายเคยพรรณนาไว้ถึงความงดงามของมัน พ่อของเขาเคยสอนเขาไว้ว่าตอนเช้าคือเวลาที่สดใสและมีค่า คนตื่นเช้าเป็นคนที่ได้เปรียบ เหมือนได้รับพรจากธรรมชาติ เหมือนมีเวลาชีวิตมากขึ้น และจะประสบความสำเร็จ
พ่อของเขายึดถือคำพูดนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆคำสอนของพ่อไว้ตลอด ท่านประสบความสำเร็จ มีเงินทองมากมาย เป็นนายห้างที่ทุกคนเคารพ ท่านลาโลกไปเมื่อปีที่แล้ว ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป เขาคิดถึงพ่อ ชีวิตเขามีพ่อเพียงคนเดียว
นทีกับใบหน้าที่แสนอิดโรยแสดงถึงความกร้านและเบื่อโลกใบนี้ เขานึกถึงคำพูดของพ่อเมื่อแสงตะวันแยงตา ปากนั้นบ่มพึมพำ
"กูไม่เห็นว่ามันสดใสอีกแล้ว กูเคยคิด แต่ก็เลิกคิดไปแล้ว"
หนุ่มใหญ่หน้าตาโทรมเอื้อมมือหยิบปฏิทินที่หัวเตียง ใช่ วันนี้เป็นวันครบรอบที่พ่อของเขาเสียไป มือกุมปฏิทินนั่นไว้ เขาคิดถึงพ่อ
…….
เสียงดังโครมพร้อมเสียงกรีดร้อง เด็กน้อยล้มลงจากจักรยาน ร้องไห้ฟูมฟายเป็นอันมาก บนหัวเข่าของเด็กน้อยนทีถลอกเป็นแนวยาว เลือดไหลซิบๆ พ่อวิ่งมาพยุงนทีให้ลุกขึ้น พาเข้าบ้านแล้วเช็ดแผลให้ น้ำตาเด็กน้อยนองหน้าเนื่องจากความแสบของแผล ซักพักความเจ็บก็บรรเทา แผลถูกปิด ผู้เป็นพ่อไม่ได้พูดอะไรเลยขณะทำแผล นทีไม่อาจหยั่งรู้ความคิดของพ่อ พ่อจะว่าหรือไม่ที่เขาขับจักรยานล้ม ทั้งๆที่พ่อยังสอนเขาขี่จักรยานอยู่เลย พ่ออาจจะว่าที่เขาแอบเอามาขี่คนเดียว
ปริศนาคลี่คลายเมื่อแผลถูกพลาสเตอร์ปิดสนิท
"พ่อดีใจที่เห็นลูกพยายามด้วยตัวเอง ลูกต้องเป็นที่พึ่งของตัวเอง บาดแผลจะทำให้ลูกแข็งแกร่ง"
ผู้เป็นพ่อลูบหัวเข่าเด็กน้อยอย่างนุ่มนวล
นทีโผลกอดพ่อด้วยน้ำตา
เขาเพิ่งเสียแม่ไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เขาเคยไม่เห็นน้ำตาของพ่อซักหยด พ่ออาจจะแอบร้องไห้ แต่เขาไม่เคยเห็น ในสายตาเขา พ่อเข้มแข็งมาก พ่อทำงานหนักขึ้นหลังจากที่เพิ่งเปิดร้านขายของชำได้ใหม่ๆ งานบ้านด้วย เขาไม่มีพี่น้อง พ่อตื่นนอนแต่เช้ามืดทำอาหารเช้าให้เขากิน แล้วพาไปโรงเรียน นทีน้อยช่วยพ่อล้างจาน และถูพื้นนิดหน่อยตามวิสัยที่เด็กอย่างเขาจะพอช่วยได้ พ่อไม่เคยบ่น คงเป็นเพราะพ่อหรืออาจจะรวมถึงความเป็นเด็กของเขาด้วยก็ได้ ความรู้สึกว้าเหว่ตั้งแต่ช่วงที่ขาดแม่ไปหายไปในไม่นาน เช้าของนทีช่างสดใส เขาตื่นนอนตอนเช้าอย่างมีความสุข
………
มือนั้นถือแผ่นพับที่ซ่อนแผ่นกระดาษแข็งไว้ภายใน เสื้อครุยโปร่งใสยาวลงมาจรดกลางแข้ง วันนี้เป็นวันที่นทีรับปริญญา เพื่อนฝูงในคณะมีญาติพี่น้องมากมายมาห้อมล้อม
ท่ามกลางหมู่คนที่พลุกพล่าน พ่อของเขาก็เดินเข้ามาหา พ่อไม่เคยผิดนัดเขาเหมือนที่พ่อไม่เคยผิดนัดกับทุกๆคน พ่อสวมกอดเขาด้วยความดีใจ พ่อเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากหยาดเหงื่อของตัวเอง พ่อทำงานหนักกว่าจะตั้งห้างของตัวเองได้ พ่อทำงานทุกวันไม่เว้นเสาร์อาทิตย์ เขารู้ วันนี้พ่อทิ้งงานเพื่อมาหาเขา
"พ่อภูมิใจในตัวลูกมาก" พ่อกล่าว
วันแห่งความสุขที่ไม่ต้องการใครเลย นอกจากคนต่างวัยสองคน…
นทีได้ทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุน สถาบันการเงินแห่งนี้ให้เงินทองแก่เขามากมาย รวมถึงโอกาสในการเจริญก้าวหน้าบนเส้นทางนี้ยังมีอีกมาก เขาก้าวหน้าเร็วกว่าเพื่อนหลายๆคนที่จบจากโรงเรียน หรือคณะเดียวกัน ถึงยังแพ้บางคน แต่โอกาสในการเจริญเติบโตทางการงานของเขาก็ไม่แพ้ใคร
แต่เมื่อเขานึกถึงอนาคตของเขาแล้ว เขาต้องการความก้าวหน้าในฐานะนายของตัวเอง ไม่ต้องการเป็นลูกจ้างใคร เขาตัดสินใจร่วมทุนกับเพื่อนเก่าเพื่อเอาเงินมาเล่นหุ้นเพื่อหลุดจากพันธนาการการเป็นลูกจ้าง ไม่มีใครที่เขารู้จักเห็นด้วยกับเขา นอกจากพ่อของเขา
พ่อบอกเขาว่า "ชื่อของลูก นทีคือน้ำ ลูกต้องไหลไปข้างหน้า ไม่ว่าจะมีอุปสรรคแค่ไหน ต้องมั่นใจ แล้วลูกจะสำเร็จ"
พ่อเป็นที่ปรึกษาที่ยอดเยี่ยม และเป็นกำลังใจเสมอมา ถึงแม้เขาไม่เลือกที่จะทำงานกับพ่อ เพราะเขาอยากประสบความสำเร็จด้วยลำแข้งตัวเอง แต่พ่อก็เห็นด้วย คำพูดของพ่อที่สนับสนุน ท่ามกลางคำคัดค้านของทุกๆคน นทีมีความสุข เขาไม่ต้องการใครแล้ว พ่อยังอยู่ข้างเขา พ่อคนเดียวเท่านั้น ตอนนั้นเช้าของนทีช่างสดใสเฉกเช่นคำของกวี
…
หนุ่มนักลงทุนวัยแค่ 30 นทีประสบความสำเร็จมากมาย เขาสร้างเงินทองได้มหาศาลจากมันสมองของเขาและพรรคพวก ญาติสนิทมิตรสหายกลับมาหาเขาอย่างมากมาย
วันพ่อปีนั้นนทีก้มลงกราบแทบเท้าของพ่อ ถ้าไม่มีพ่อเป็นกำลังใจ และให้คำแนะนำมาโดยตลอด ไม่มีวันที่เขาจะประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้
เขาขับรถสปอร์ตเปิดประทุนคันโก้ แต่งงานกับสุภาแฟนเก่าของเขา ที่เคยทิ้งเขาไป นทีรู้สึกเหมือนตัวเองคือผู้ชนะ ซึ่งก็ถูก ทุกๆคนคิดว่าเขาคือผู้ชนะ ความสำเร็จ ความมั่นใจ เช้าที่ยังคงสดใส
จนกระทั่ง…
เกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่เมื่อปี 2540 ตลาดหุ้นล่ม นทีผู้ประสบความสำเร็จสูญเสียเงินไปมากมาย ไม่ใช่แค่เงินของเขาและพรรคพวก แต่รวมถึงเงินของคนอีกมากมายที่ทำสัญญาให้เขาลงทุนให้ นทีอยู่ในสถานภาพล้มละลาย ญาติมิตรหนีหาย เพื่อนของเขาที่ร่วมลงทุนด้วยกันหนีกันไปหมด บางคนหนีหลบคดีอยู่ต่างจังหวัด บางคนอยู่ต่างประเทศ นทีขายสมบัติทุกอย่างของเขาชดใช้เงินตามสัญญา สุภาเลิกกับเขาและเอาลูกไปด้วย เขาเหมือนจะหมดสิ้นทุกสิ่ง
แต่ยังไม่หมดสิ้น
เขายังมีพ่อ พ่อผู้เคยร่ำรวย แต่ตอนนี้ขายกิจการของท่านเอาเงินมาใช้หนี้ให้แก่ลูกชาย
พ่อไม่พูดอะไรเลย พ่อไม่ว่าเขาซักคำ นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด เขาขอโทษพ่อ พ่อเพียงกล่าวกับเขาว่า
"ไม่เป็นไรลูก เราเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน"
ยิ่งพ่อพูด เขายิ่งรักพ่อ
สองพ่อลูกต้องย้ายออกไปอยู่บ้านเล็กๆนอกเมือง นทีเริ่มค้าขายเล็กๆน้อยๆ ทำสวนผลไม้เล็กๆพอหากินได้ พ่อเป็นกำลังใจให้เขาเสมอ ให้เขาเดินหน้าได้ จนกระทั่ง…
ปีที่แล้ว
โรคร้ายเข้ามารุมเร้าพ่อ
พ่อเป็นมะเร็ง
แล้วพ่อก็จากไป
นทีรู้สึกเหมือนกับว่าหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง นึกย้อนถึงครอบครัวของเขาเหลือกันแค่สองคน ญาติพี่น้องคนอื่นต่างแยกย้ายไปหมด สุภากับลูกก็ทิ้งเขาไป เพื่อนสนิทมิตรสหายก็ไม่มีใครแล้ว นทีรู้สึกหมดสิ้น เค้าเคยประสบความสำเร็จมากมาย พ่อคือเบื้องหลัง เหมือนเวทีให้นักแสดงอย่างเขา ถ้าเวทีพังไปแล้ว การแสดงไหนเลยจะสามารถเล่นได้
เขาขายทรัพย์สินทุกอย่างจนหมดสิ้นได้เงินมาก้อนหนึ่ง นทีเก็บตัวเงียบอยู่ในแฟลตโทรมๆ เขาไม่ทำอะไรอีกต่อไปแล้ว เขาท้อแท้ เขาเกลียดเมื่อถึงวันใหม่ เขาเกลียดผู้คนที่ไม่จริงใจ และสำหรับเขา ไม่มีใครจริงใจ นอกจากพ่อ พ่อซึ่งทิ้งเขาไป คงไม่มีเช้าไหนที่จะสดใสสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว
วันนี้
นทีลืมตาตื่นอีกทีในตอนสาย ร่างที่ประหนึ่งไร้วิญญาณลุกขึ้นมาจากเตียง เขาไม่รู้วันเวลา นาฬิกาบนหัวนอนของเขาสงบนิ่งมานานแล้ว
เขาเดินไปนั่งบนเก้าอี้เก่าๆตัวหนึ่ง เปิดลิ้นชักโต๊ะของเขา
มันเป็นรูปของพ่อและเขา มันเป็นสิ่งที่พ่อมอบให้เขาตอนที่เขากำลังสับสนตอนตัดสินใจลาออกจากงานประจำ
เขาอ่านข้อความข้างหลังรูป เหมือนประโยคที่พ่อเคยพูด เขาน้ำตาไหล
"มันอยู่ในลิ้นชักนี้มานานแสนนาน กูไม่เคยหยิบมันขึ้นมาอ่านเลย"
นทีล้างหน้าล้างตาจนสะอาด มองตัวเองในกระจก
"กูยังหนุ่ม ยังมีความสามารถ กูต้องมั่นใจ กูเชื่อพ่อกู"
แต่งตัวใส่เชิ้ตเก่าๆที่พ่อเคยใส่และเขายังเก็บไว้อยู่ เขากำลังจะก้าวออกไปจากห้องพัก วันนี้เขาจะซื้อของไปทำบุญให้พ่อ แล้วไปสมัครงาน นทีวางรูปนั้นคว่ำหน้าไว้บนโต๊ะ เห็นเป็นลายมือของพ่ออย่างชัดเจน
"พ่อดีใจที่เห็นลูกพยายามด้วยตัวเอง ลูกต้องเป็นที่พึ่งของตัวเอง บาดแผลจะทำให้ลูกแข็งแกร่ง"
นทีลูบหัวเข่าที่มีแผลเป็นจากจักรยานล้มอย่างนุ่มนวล ก้าวออกไปจากห้องนั้นเพื่อรับพรจากธรรมชาติ ถึงตอนนี้จะสายไปหน่อยก็เถอะ
-จบ-ที่พึ่ง
เพดานห้องสีเทาอ่อนๆซึ่งถ้าดูก็จะรู้ว่าเคยเป็นสีขาวเมื่อนานมาแล้ว ห้องเล็กๆโทรมๆบนพื้นมีขวดเหล้าเปล่าอยู่ 3 ขวด ม่านขาดๆริมหน้าต่างปล่อยให้แสงสุริยารอดผ่านเข้ามาให้ห้อง
เขาลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันนี้ เสียงนกร้องกับแสงตะวันต้องประสาทสัมผัสของเขา ธรรมชาติตอนเช้าที่กวีมากมายเคยพรรณนาไว้ถึงความงดงามของมัน พ่อของเขาเคยสอนเขาไว้ว่าตอนเช้าคือเวลาที่สดใสและมีค่า คนตื่นเช้าเป็นคนที่ได้เปรียบ เหมือนได้รับพรจากธรรมชาติ เหมือนมีเวลาชีวิตมากขึ้น และจะประสบความสำเร็จ
พ่อของเขายึดถือคำพูดนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆคำสอนของพ่อไว้ตลอด ท่านประสบความสำเร็จ มีเงินทองมากมาย เป็นนายห้างที่ทุกคนเคารพ ท่านลาโลกไปเมื่อปีที่แล้ว ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป เขาคิดถึงพ่อ ชีวิตเขามีพ่อเพียงคนเดียว
นทีกับใบหน้าที่แสนอิดโรยแสดงถึงความกร้านและเบื่อโลกใบนี้ เขานึกถึงคำพูดของพ่อเมื่อแสงตะวันแยงตา ปากนั้นบ่มพึมพำ
"กูไม่เห็นว่ามันสดใสอีกแล้ว กูเคยคิด แต่ก็เลิกคิดไปแล้ว"
หนุ่มใหญ่หน้าตาโทรมเอื้อมมือหยิบปฏิทินที่หัวเตียง ใช่ วันนี้เป็นวันครบรอบที่พ่อของเขาเสียไป มือกุมปฏิทินนั่นไว้ เขาคิดถึงพ่อ
…….
เสียงดังโครมพร้อมเสียงกรีดร้อง เด็กน้อยล้มลงจากจักรยาน ร้องไห้ฟูมฟายเป็นอันมาก บนหัวเข่าของเด็กน้อยนทีถลอกเป็นแนวยาว เลือดไหลซิบๆ พ่อวิ่งมาพยุงนทีให้ลุกขึ้น พาเข้าบ้านแล้วเช็ดแผลให้ น้ำตาเด็กน้อยนองหน้าเนื่องจากความแสบของแผล ซักพักความเจ็บก็บรรเทา แผลถูกปิด ผู้เป็นพ่อไม่ได้พูดอะไรเลยขณะทำแผล นทีไม่อาจหยั่งรู้ความคิดของพ่อ พ่อจะว่าหรือไม่ที่เขาขับจักรยานล้ม ทั้งๆที่พ่อยังสอนเขาขี่จักรยานอยู่เลย พ่ออาจจะว่าที่เขาแอบเอามาขี่คนเดียว
ปริศนาคลี่คลายเมื่อแผลถูกพลาสเตอร์ปิดสนิท
"พ่อดีใจที่เห็นลูกพยายามด้วยตัวเอง ลูกต้องเป็นที่พึ่งของตัวเอง บาดแผลจะทำให้ลูกแข็งแกร่ง"
ผู้เป็นพ่อลูบหัวเข่าเด็กน้อยอย่างนุ่มนวล
นทีโผลกอดพ่อด้วยน้ำตา
เขาเพิ่งเสียแม่ไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เขาเคยไม่เห็นน้ำตาของพ่อซักหยด พ่ออาจจะแอบร้องไห้ แต่เขาไม่เคยเห็น ในสายตาเขา พ่อเข้มแข็งมาก พ่อทำงานหนักขึ้นหลังจากที่เพิ่งเปิดร้านขายของชำได้ใหม่ๆ งานบ้านด้วย เขาไม่มีพี่น้อง พ่อตื่นนอนแต่เช้ามืดทำอาหารเช้าให้เขากิน แล้วพาไปโรงเรียน นทีน้อยช่วยพ่อล้างจาน และถูพื้นนิดหน่อยตามวิสัยที่เด็กอย่างเขาจะพอช่วยได้ พ่อไม่เคยบ่น คงเป็นเพราะพ่อหรืออาจจะรวมถึงความเป็นเด็กของเขาด้วยก็ได้ ความรู้สึกว้าเหว่ตั้งแต่ช่วงที่ขาดแม่ไปหายไปในไม่นาน เช้าของนทีช่างสดใส เขาตื่นนอนตอนเช้าอย่างมีความสุข
………
มือนั้นถือแผ่นพับที่ซ่อนแผ่นกระดาษแข็งไว้ภายใน เสื้อครุยโปร่งใสยาวลงมาจรดกลางแข้ง วันนี้เป็นวันที่นทีรับปริญญา เพื่อนฝูงในคณะมีญาติพี่น้องมากมายมาห้อมล้อม
ท่ามกลางหมู่คนที่พลุกพล่าน พ่อของเขาก็เดินเข้ามาหา พ่อไม่เคยผิดนัดเขาเหมือนที่พ่อไม่เคยผิดนัดกับทุกๆคน พ่อสวมกอดเขาด้วยความดีใจ พ่อเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากหยาดเหงื่อของตัวเอง พ่อทำงานหนักกว่าจะตั้งห้างของตัวเองได้ พ่อทำงานทุกวันไม่เว้นเสาร์อาทิตย์ เขารู้ วันนี้พ่อทิ้งงานเพื่อมาหาเขา
"พ่อภูมิใจในตัวลูกมาก" พ่อกล่าว
วันแห่งความสุขที่ไม่ต้องการใครเลย นอกจากคนต่างวัยสองคน…
นทีได้ทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุน สถาบันการเงินแห่งนี้ให้เงินทองแก่เขามากมาย รวมถึงโอกาสในการเจริญก้าวหน้าบนเส้นทางนี้ยังมีอีกมาก เขาก้าวหน้าเร็วกว่าเพื่อนหลายๆคนที่จบจากโรงเรียน หรือคณะเดียวกัน ถึงยังแพ้บางคน แต่โอกาสในการเจริญเติบโตทางการงานของเขาก็ไม่แพ้ใคร
แต่เมื่อเขานึกถึงอนาคตของเขาแล้ว เขาต้องการความก้าวหน้าในฐานะนายของตัวเอง ไม่ต้องการเป็นลูกจ้างใคร เขาตัดสินใจร่วมทุนกับเพื่อนเก่าเพื่อเอาเงินมาเล่นหุ้นเพื่อหลุดจากพันธนาการการเป็นลูกจ้าง ไม่มีใครที่เขารู้จักเห็นด้วยกับเขา นอกจากพ่อของเขา
พ่อบอกเขาว่า "ชื่อของลูก นทีคือน้ำ ลูกต้องไหลไปข้างหน้า ไม่ว่าจะมีอุปสรรคแค่ไหน ต้องมั่นใจ แล้วลูกจะสำเร็จ"
พ่อเป็นที่ปรึกษาที่ยอดเยี่ยม และเป็นกำลังใจเสมอมา ถึงแม้เขาไม่เลือกที่จะทำงานกับพ่อ เพราะเขาอยากประสบความสำเร็จด้วยลำแข้งตัวเอง แต่พ่อก็เห็นด้วย คำพูดของพ่อที่สนับสนุน ท่ามกลางคำคัดค้านของทุกๆคน นทีมีความสุข เขาไม่ต้องการใครแล้ว พ่อยังอยู่ข้างเขา พ่อคนเดียวเท่านั้น ตอนนั้นเช้าของนทีช่างสดใสเฉกเช่นคำของกวี
…
หนุ่มนักลงทุนวัยแค่ 30 นทีประสบความสำเร็จมากมาย เขาสร้างเงินทองได้มหาศาลจากมันสมองของเขาและพรรคพวก ญาติสนิทมิตรสหายกลับมาหาเขาอย่างมากมาย
วันพ่อปีนั้นนทีก้มลงกราบแทบเท้าของพ่อ ถ้าไม่มีพ่อเป็นกำลังใจ และให้คำแนะนำมาโดยตลอด ไม่มีวันที่เขาจะประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้
เขาขับรถสปอร์ตเปิดประทุนคันโก้ แต่งงานกับสุภาแฟนเก่าของเขา ที่เคยทิ้งเขาไป นทีรู้สึกเหมือนตัวเองคือผู้ชนะ ซึ่งก็ถูก ทุกๆคนคิดว่าเขาคือผู้ชนะ ความสำเร็จ ความมั่นใจ เช้าที่ยังคงสดใส
จนกระทั่ง…
เกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่เมื่อปี 2540 ตลาดหุ้นล่ม นทีผู้ประสบความสำเร็จสูญเสียเงินไปมากมาย ไม่ใช่แค่เงินของเขาและพรรคพวก แต่รวมถึงเงินของคนอีกมากมายที่ทำสัญญาให้เขาลงทุนให้ นทีอยู่ในสถานภาพล้มละลาย ญาติมิตรหนีหาย เพื่อนของเขาที่ร่วมลงทุนด้วยกันหนีกันไปหมด บางคนหนีหลบคดีอยู่ต่างจังหวัด บางคนอยู่ต่างประเทศ นทีขายสมบัติทุกอย่างของเขาชดใช้เงินตามสัญญา สุภาเลิกกับเขาและเอาลูกไปด้วย เขาเหมือนจะหมดสิ้นทุกสิ่ง
แต่ยังไม่หมดสิ้น
เขายังมีพ่อ พ่อผู้เคยร่ำรวย แต่ตอนนี้ขายกิจการของท่านเอาเงินมาใช้หนี้ให้แก่ลูกชาย
พ่อไม่พูดอะไรเลย พ่อไม่ว่าเขาซักคำ นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด เขาขอโทษพ่อ พ่อเพียงกล่าวกับเขาว่า
"ไม่เป็นไรลูก เราเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน"
ยิ่งพ่อพูด เขายิ่งรักพ่อ
สองพ่อลูกต้องย้ายออกไปอยู่บ้านเล็กๆนอกเมือง นทีเริ่มค้าขายเล็กๆน้อยๆ ทำสวนผลไม้เล็กๆพอหากินได้ พ่อเป็นกำลังใจให้เขาเสมอ ให้เขาเดินหน้าได้ จนกระทั่ง…
ปีที่แล้ว
โรคร้ายเข้ามารุมเร้าพ่อ
พ่อเป็นมะเร็ง
แล้วพ่อก็จากไป
นทีรู้สึกเหมือนกับว่าหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง นึกย้อนถึงครอบครัวของเขาเหลือกันแค่สองคน ญาติพี่น้องคนอื่นต่างแยกย้ายไปหมด สุภากับลูกก็ทิ้งเขาไป เพื่อนสนิทมิตรสหายก็ไม่มีใครแล้ว นทีรู้สึกหมดสิ้น เค้าเคยประสบความสำเร็จมากมาย พ่อคือเบื้องหลัง เหมือนเวทีให้นักแสดงอย่างเขา ถ้าเวทีพังไปแล้ว การแสดงไหนเลยจะสามารถเล่นได้
เขาขายทรัพย์สินทุกอย่างจนหมดสิ้นได้เงินมาก้อนหนึ่ง นทีเก็บตัวเงียบอยู่ในแฟลตโทรมๆ เขาไม่ทำอะไรอีกต่อไปแล้ว เขาท้อแท้ เขาเกลียดเมื่อถึงวันใหม่ เขาเกลียดผู้คนที่ไม่จริงใจ และสำหรับเขา ไม่มีใครจริงใจ นอกจากพ่อ พ่อซึ่งทิ้งเขาไป คงไม่มีเช้าไหนที่จะสดใสสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว
วันนี้
นทีลืมตาตื่นอีกทีในตอนสาย ร่างที่ประหนึ่งไร้วิญญาณลุกขึ้นมาจากเตียง เขาไม่รู้วันเวลา นาฬิกาบนหัวนอนของเขาสงบนิ่งมานานแล้ว
เขาเดินไปนั่งบนเก้าอี้เก่าๆตัวหนึ่ง เปิดลิ้นชักโต๊ะของเขา
มันเป็นรูปของพ่อและเขา มันเป็นสิ่งที่พ่อมอบให้เขาตอนที่เขากำลังสับสนตอนตัดสินใจลาออกจากงานประจำ
เขาอ่านข้อความข้างหลังรูป เหมือนประโยคที่พ่อเคยพูด เขาน้ำตาไหล
"มันอยู่ในลิ้นชักนี้มานานแสนนาน กูไม่เคยหยิบมันขึ้นมาอ่านเลย"
นทีล้างหน้าล้างตาจนสะอาด มองตัวเองในกระจก
"กูยังหนุ่ม ยังมีความสามารถ กูต้องมั่นใจ กูเชื่อพ่อกู"
แต่งตัวใส่เชิ้ตเก่าๆที่พ่อเคยใส่และเขายังเก็บไว้อยู่ เขากำลังจะก้าวออกไปจากห้องพัก วันนี้เขาจะซื้อของไปทำบุญให้พ่อ แล้วไปสมัครงาน นทีวางรูปนั้นคว่ำหน้าไว้บนโต๊ะ เห็นเป็นลายมือของพ่ออย่างชัดเจน
"พ่อดีใจที่เห็นลูกพยายามด้วยตัวเอง ลูกต้องเป็นที่พึ่งของตัวเอง บาดแผลจะทำให้ลูกแข็งแกร่ง"
นทีลูบหัวเข่าที่มีแผลเป็นจากจักรยานล้มอย่างนุ่มนวล ก้าวออกไปจากห้องนั้นเพื่อรับพรจากธรรมชาติ ถึงตอนนี้จะสายไปหน่อยก็เถอะ
-จบ-